วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลำปลายมาศ-สุรินทร์

05:00 เตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อที่จะไปโรงเรียน
พอมาถึงโรงเรียน(อากาศยามเช้าๆหนาวมาก) เจอกับรุ่นน้องผู้ชายคนนึง...เรานั่งรถไปสถานีลำปลายมาศด้วยกัน ขณะที่ลงจากรถสายตามองไปเห็นเพื่อนๆที่อยู่ตรงหน้า ก็เลยเดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน พวกเราต่างก็พากันนั่งรอเพื่อนๆ กลุ่มที่มุ่งหน้าไปยังปากช่องเดินทางไปเรียบร้อยแล้ว

กลุ่มของพวกเรายังมาไม่ครบเลย ประเด็นคือ เรานั่งรอรถไฟตั้งแต่05:10 -07:00 รถไฟขบวนที่ไปสุรินทร์ยังไม่มาเลย ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงรถไฟขบวนที่ไปสุรินทร์ก็มาถึง พวกเราทุกคนตื่นเต้นและดีใจกันมากๆ ขณะที่เดินขึ้นไปบนรถไฟ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางบนรถไฟเลยเพราะฉันเดินทางบนรถไฟบ่อยมากๆ ขณะเดียวกันนั้นคนอื่นๆดูเหมือนจะตื่นเต้นกับการเดินทางบนรถไฟมาก ฉันเดินไปเลือกที่นั่ง เดินไปจนเกือบสุดตู้สุดท้ายของรถไฟ เดินวนไปวนมา สุดท้ายก็ได้ที่นั่งข้างๆขอบหน้าต่าง ที่เลือกนั่งตรงนั้นเป็นเพราะว่า จะได้เห็นบรรยากาศต่างๆและได้รับลมที่เย็นสบาย รถไฟเริ่มเคลื่อนที่ออกจากสถานีลำปลายมาศเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีสุรินทร์ การเรียนรู้ก็เริ่มขึ้นแล้ว ชายชราวัย74ปี(ชาวญี่ปุ่น –ครูอะกิ) ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย พวกเราเดินชมเมือง สอบถามผู้คนเกี่ยวกับประวัติของชาวสุรินทร์  
หนูสะดุดใจตรงนึงก็คือ พิธีชงชาแบบจีน ซึ่งมันเป็นอะไรที่หาดูได้ยากมาก เราเดินไปทั่วสารทิศ ผ่านวงเวียนช้าง แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังศาลหลักเมือง(แวะเยี่ยมชม) สุรินทร์โดเด่นเรื่องช้าง(ซึ่งพวกเราพลาดโอกาสที่จะได้ไปดูช้าง เพราะถ้าจะไปต้องเดินทางออกจากตัวเมืองไปอีกไกล)พวกเราพักกินข้าวที่ร้านอาหาร บางคนสั่งข้าวกิน แต่หนูประหยัดเงิน(ห่อข้าวไปเอง) แล้วพวกเราก็เดินทางกลับโดยรถไฟ การเดินทางสนุกมากค่ะ ขอบคุณทุกๆคนในกลุ่มที่ร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ และหวังว่าเราจะได้เดินทางร่วมกันอีกครั้ง

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความรัก

 ความทรงจำดีๆ ที่มีต่อกัน...

       วันที่จันทร์ที่ 7 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2559  ได้มีกิจกรรมทำร่วมกับพี่ๆน้อง หลังจากพี่ๆ ม.2 ได้วางแผนกับน้องๆ ม.1 มานาน  กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่พวกเราจะได้ทำกับพี่ๆ ม.3
    ช่วงเช้าพวกเราได้พาพี่ๆ เล่นเกมส์ ทุกคนดูสนุกกับเกมส์มากเลยค่ะ พอถึงตอนเที้ยงพวกเราก็ไปนั่งกินข้าวรวมกับพี่ๆ แล้วสลับถาดกับพี่ล้าง พอตอนบ่าย พวกเราก็มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ตอบแทนพี่ม.3
พวกเราร้องเพลงให้พี่ๆฟังง แล้วพูดความในใจกับพี่ๆ แต่ละคน

        หามิตรภาพที่มีแต่ความจริงใจต่อกันและกันแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว...
        หาความรัก ความปราถหนาดีไม่ได้อีกแล้ว...

                                     มีแต่ที่นี่ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา


    ขอบคุณวันเวลา และโชคชะตาที่ทำให้เราได้มาเจอ พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ที่ดีแบบนี้

ก้าวที่สองของมัธยม

                                 ก้าวที่สองของมัธยม
      ความรู้สึกแรกที่เข้ามาอยู่ ม.2 บอกได้เลยว่า กลัว กลัวที่จะทำหน้าที่ของพี่ ม.2 ได้ไม่ดีมากพอ แต่ความกลัวนั้นก็หายไป เมื่อได้เป็นผู้นำกิจกรรมหลายๆ กิจกรรมให้กับน้องๆ หรือพี่ๆ
      แน่นอนว่าการที่เราเริ่มโตขึ้นๆ หน้าที่ของเราก็ต้องเพิ่มขึ้น และความรับผิดชอบของเราก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน พี่ๆ ม.2 ได้มีโครงการ หนึ่งงานหนึ่งล้านแรงบันดาลใจ ที่คุณครูใหญ่ได้มอบให้พวกเราดูแล เริ่มตั้งแต่การผสมดิน ไปหาดิน และส่วนผสมทีจะมาปรุงดิน แล้วพวกเราก็เริ่มลงมือปลูกผักแต่ละชนิดด้วยกัน  เลี้ยงปลาและกบด้วยกัน และพวกเราก็มีไอเดียขึ้นมาใหม่ คือเพาะเห็ด มีผู้ปกครองมาช่วยทำบ้านของเห็ด ช่วยมาให้ความรู้เรื่องของเห็ด พวกเราลงทุนไปไม่น้อยเลยค่ะ ลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ ผู้หญิง ม.2และคุณครู ได้อาสามาหยอดเชื้อเห็ดตอนกลางคืน พวกเราตื่นมาตอนเที่ยงคืน เพื่อหยอดเชื้อเห็ด ทั้งหมดนี้เป็นธุรกิจอีกอย่างของห้องพวกเรา ทำโดยไม่หวังผลกำไล และทำอย่างตั้งใจ จนทำให้พื้นที่เล็กๆนี้ กลายเป็นสวนเล็กๆของพี่ ม.2 ได้ หนูขอขอบคุณ คุณครูใหญ่ และคุณครูทุกท่านที่ให้โอกาสพวกเราได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เราไม่ได้เรียนรู้แค่การปลูกผัก แต่เราได้เรียนรู้ มิตรภาพจากพี่ๆ และน้องๆที่มาช่วยทำ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สามารถนำมาให้คำแนะนำกับครอบครัวของตัวเองได้อีกด้วย
 


ไม่มีจุดหมาย...ไม่มีที่สิ้นสุด

เราได้เดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ โดยจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ เรามีจุดหมายคือการเรียนรู้ระหว่างการเดินทาง เราได้วางแผนการเดินทางแต่ไม่มีจุดหมายขึ้น ซึ้งผมว่าน่าสนใจเลยที่เดียว เวลา 07:00 น. เราก็มารวมกันที่สถานณีรถไฟ 07;30 น. เราก็ออกเดินทาง เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างในตอนนั่งบนรถไฟ ไม่ว่าจะเป็น การขายอาหาร เครื่องดื่ม ซึ้งต้องแพงกว่าปกติ เรานั้งบนรถไฟประมาณ 30 นาที่ เราก็มาถึงสถานณีรถไฟสุรินทร์ เราเดินทางรอบๆสถานณี เพราะ เวลา 15;30 น. เราต้องเดินทางกลับ สถานที่ที่เราไปกฌมี ศาลหลักเมือง วงเวียนช้าง สุริมทร์พลาซ่า ระหว่างที่เราเดินทางเราก็เจอกับครูอ้นและอาจารย์นฤมน ครูก็แนะนำสถานที่เทียว ขากลับผมลง สถานณีทะเมนชัยและการเดินทาางของเราก็จบลง

ครุ่นคำนึง

ฉันชื่อเด็กหญิง ภัคทิรา ทุมตา ชื่อเล่น ตุ๊กตา อายุ 14ปี
    ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยได้อะไรเท่าเทียมกับพี่และน้องฉันเลย บ่อยครั้งที่ฉันมีความรู้สึกเสียใจ/น้อยใจ แต่ทุกๆครั้งก็จะมีคนคอยปลอบฉันอยู่เสมอโดยการใช้วาจาที่ไพเราะเสนาะหู ตอนนั้นยังเด็กฉันจึงมีความคิดแบบนั้น ฉันยังไม่รู้อะไรมากเพราะความเป็นเด็ก(อยู่ในอ้อมกอดของครอบครัว) กาลเวลาหมุนไปฉันก็โตมาอีกระดับ ฉันได้เจอเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ฉันก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี ฉันเจอปัญหามากมายเลย จนบางทีฉันรับมันไม่ไหว ฉันต้องการที่จะให้คนอื่นได้รับรู้ถึงสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ต่อหน้า ในความรู้สึกตอนนั้นฉันไม่อยากให้ปัญหานั้นมันเกิดขึ้นเลย แต่ทุกๆครั้งที่เจอเรื่องราวแบบนี้ ฉันก็สามารถแก้และปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้นได้ด้วยตัวของฉันเอง ปัญหาทุกปัญหา เรื่องราวทุกเรื่องราว ที่ฉันได้เจอกับตัวเองทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้ฉันกลับมาคิดย้อนดูตัวเอง(ทบทวนตัวเอง)
   
   สิ่งที่เด่นชัดในตัวของฉัน ฉันว่าน่าจะเป็นทางด้านของการพูด เพราะคนรอบข้างบอกกับตัวฉันว่า ฉันเป็นคนพูดมีสาระมากๆฉันภูมิใจในตัวเองที่เป็นแบบนี้ ฉันเชื่อในตัวเองมากๆ ถ้าฉันมีความตั้งที่จะทำอะไรฉันก็จะทำให้ถึงที่สุดเท่าที่ตัวฉันจะทำได้

   
    

   โดยส่วนตัวฉันเป็นคนชอบทางด้านของภาษเอามากๆเลยหล่ะ เรียกได้ว่าเป็นชีวิตจิตใจของฉันเลยก็ได้ ฉันตั้งใจไว้ว่าขึ้นม.4 ฉันจะเข้าเรียนต่อสาย ศิลป์-ภาษา แต่คนทางบ้านไม่เห็นด้วยกับฉันเลย ฉันจึงพยายามพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า สิ่งที่ฉันหวังไว้มันจะต้องเป็นจริงให้ได้ ฉันได้มีโอกาสคุยเรื่องการเรียนกับคนที่บ้าน เราก็คุยกันปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จริงๆแล้วภายในใจของฉันนั้น ฉันแทบไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องคิดคนละแบบกับฉัน? คุยกันไปคุยกันมา สิ่งที่ฉันสงสัยนั้นมันก็ตอบโจทย์ของฉัน (วิทย์-คณิต มันต่อได้หลายทาง) (ศิลป์-ภาษา มันเลือกได้น้อย) ฉันเริ่มสับสนกับตัวเองแล้วว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี? แต่พอกลับมาคิดดีๆ มันก็ยังเหลือเวลาอีกมากที่จะคิดเรื่องเรียน แต่ถ้าคิดไว้เนิ่นๆมันก็ดีไปอย่าง คนเรามันมีอะไรที่ไม่แน่นอนในชีวิตหรอก เราต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ก้าวข้ามไปทีละขั้น อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจอะไรไป ชีวิตเราต้องเจออะไรอีกมากมาย (ทำทุกอย่างให้สนุก มีความสุขกับสิ่งที่ทำ)

ณ ปากช่อง

สถานีสถารัก 
สถานีรถไฟลำปลายมาศ
 เป็นชื่อรายการของพวกเราในระหว่างไปเดินเรียนรู้ที่ปากช่องค่ะ  เราได้ไปกันสองห้องคือมอหนึ่งและมอสอง กลุ่มของหนูได้ไปที่ปากช่อง และอีกอย่างหนูยังได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มอีกด้วยค่ะ พวกเราเดินทางโดยรถไฟค่ะ พวกเราออกจากสถานีลำปลายมาศตอน 6 โมงกว่าๆ ค่ะ
  ในระหว่างนั่งเดินทางไปพวกเราก็ได้ศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนบนรถไฟค่ะ พวกเราเดินทางถึงสถานีปากช่องในเวลา 11 โมงกว่าๆค่ะ อย่าแรกที่พวกเราทำเลยคือไปดูแผนที่ในปากช่องว่าเราจะไปที่ไหนอย่างไรบ้างค่ะ  แล้วพวกเราก็ได้ตัดสินใจเหมารถสองแถว ในราคา 1000 บาท ไปเที่ยวสามที่คือ
ปาริโอ้ บ่อน้ำผุดธรรมชาติ พาโนราม่าฟาร์ม(ฟาร์มเห็ด) พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวอย่างเดียวพวกเราได้ไปศึกษาดูอะไรมากมายเลยค่ะ
สถานีปากช่อง
  แล้วปัญหก็เกิดในตอนที่เราจะกลับคือ เราไม่รู้จะกลับรถไฟ หรือรถทัวร์ดีค่ะ แต่ละคนก็ออกเสียงไม่เหมือนกัน บางคนอยากกลับรถบัสเพราะสดวกสบาย บางคนอยากกลับรถไฟเพราะประหยัด ส่วนตัวหนูๆอยากกลับรถไฟค่ะ เพราะบางคนเงินก็แทบไม่เหลือแล้ว แต่คุณครูก็ให้เราเคลียร์ปัญหากันเอง ตัวหนูเป็นหัวหน้าก็ถือว่าค่อนข้างจะหนักเพราะเราต้องฟังความเห็นของน้องๆ เพื่อนๆ ว่าเพราะอะไร ในที่สุดเสียงที่มากกว่าคือ กลับรถทัวร์ค่ะ หนูก็เลยตัดสินใจกลับทัวร์ค่ะ ใครที่เงินไม่พอพวกเราก็แก้ปัญหาโดยการ ให้ยืมกันก่อนค่ะ การเดินทางครั้งนี้


จะเป็นประสบการณ์ และความทรงจำของหนูตลอดไปค่ะ..

ปากช่อง

ปากช่อง
ผมได้ออกเดินทางในเวลา06:30และเป็นกลุ่มแรกที่ออกเดินทาง
และในการเดินทางผมก็ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตผู้คนบนรถไฟ ตอน
ผมบนรถไฟก็มีคนเยอะ และก็ถึงปากช่องเราก็คิดว่าเราจะไปไหน
แต่เราก็ไปวัดเป็นที่แรกและก็ไปเม่ารถไปอีกสอมที่และเราเสีย
ค่ารถ1000บาทและเราก็ไปน้ำพรุดและเราก็กลับ จนเกิดปัญหา
เรื่องการกลับบ้านรถเมร์และถึงกลุ่มสุดท้าย

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

1งาน1ล้านแรงบันดาลใจ


แปลงผักของเราตอนนี้ก็เต็มไปด้วยผักที่เราช่วยกันปลูก ผักของเราก็จะมีหลากหลายชนิด ผักที่เราปลูกก็จะมี ผักบุ้ง ผักชี พริก โหรพา  กระเพา หอม ผักกาด ตะไคร้ ผักกวางตุ้ง ครับ พวกเราไม่ใช้แค่ปลูกผักอย่างเดียวแต่เราเลี้ยงปลาและเลี้ยงกบด้วยแต่เราก็นำไปทำเป็นอาหารให้กับเรา น้องๆและพี่ได้ทานร่วมกันครับ ส่วนเรื่องเห็ดพวกเราก็เก็บเรียบร้อยแล้วเพราะก้อนเห็ดมันเน่าจึงทำให้ดอกเห็ดเน่าเสียสถานที่โรงเห็ดของเราตอนนี้ก็กลายเป็นกระท่อมไปแล้ว555 เรายังมีผักลอยน้ำเพิ่มมาอีกแต่ของผมมันก็ตายไปแล้ว มันก็เป็นบทเรียนของผมอีกอย่างหนึ่งครับ ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องความอดทน การเเบ่งเบาภาระเพื่อนๆที่เขาทำงานหนักโดยตัวผมเองก็ต้องเข้าไปช่วยเพื่อนเพราะถ้าปล่อยให้เพื่อนทำคนเดียวเขาฏ็จะเหนื่อยอยู่แค่คนเดียวส่วนตัวเราก็ไม่  ได้เหนื่อยเหมือนเพื่อนที่เขาทำคนเดียว


                                                             


                                                       ทำงานปิดQuarter


ก่อนที่พวกเราจะปิดQuarter พวกเราก็มีภาระงานที่จะต้องทำส่งคุณครูเพื่อแรกกับเกรด งานที่พวกเราสรุปก็จะมีประมาณ10กว่างานในแต่ละQuarter และเนื้อหาของเราก็จะเหมือนเดิมสรุปชิ้นงานหลักๆก็จะมี วิชาภาษาไทย อังกฤษ คณิตศาสตร์และโครงงาน และมันก็จะมีงานย่อยๆออกมาอีกเช่น ทักษะชีวิต I C T ตอบคำถามหลังเรียน และก็มีอีกหลายๆงาน แต่พวกเราก็ต้องข้ามมันไปได้ ถ้าถามว่าสิ่งที่ผมได้จากการทำงานแบบนี้ ผมคิดว่าผมได้อะไรหลายๆอย่างมากเช่นการวางแผนงานและการเอาใจใส่ต่องานที่เรากำลังทำอยู่ ส่วนเพื่อนๆก็ต่างทำงานของตนเองเพื่อส่งครู มันก็มีบางกลุ่มที่ตั้งใจทำ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ยังเล่นกันอยู่ แต่ในที่สุดงานของพวกเราทุกคนก็เสร็จ...
                                                                  ปลูกผักไร้ดิน


พวกเราได้รับมอบหมายมาว่าให้พวกเราคิดหาวิธีว่าจะมีวิธีการปลูกผักโดยไม่ใช้ดินอย่างไร ผมจึงหาวิธีมาว่าโดยนำฟองนำฟองทำ ทำไมผมเลือกฟองน้ำ ก็เพราะว่าผมคิดว่าฟองน้ำมันเก็บน้ำได้ดี จากนั้นพวกเราก็เริ่มลงมือทำ ผมก็นำฟองน้ำไปแช่น้ำ1คืน จากนั้นก็มาเจาะรูแล้วนำเมล็ดผักที่เราเลือกไว้มาใส่ จากนั้นผมก็ไปหากล่องไปใส่น้ำเพื่อที่จะใช้แช่ฟองน้ำให้มันอมน้ำไว้แต่ก็ไม่ต้องใส่เยอะเพราะถ้าใส่เยอะมันจะทำให้เมล็ดผักเน่าได้ จากนั้นก็เก็บไว้ประมาณ3วัน มันก็เริ่มงอกแล้วครับ...
                                                                         ปากช่อง
             วันที่27 เดือน กุมภาพันธ์ 2559
ผมเพื่อนๆน้องๆและคุณครูผักกาด พวกเราได้ไปเรียนรู้ที่อำเภอปากช่อง พวกเราเดินทางโดยรถไฟตอนนั้นผมไปรอที่สถานี 05.30 ผมไปคนแรกแล้วต้องนั่งรอคนเดียวจากนั้นก็มีคนทยอยมา พอเวลา 06.00 พวกเราก็ได้  ไปซื้อตั๋วรถไฟพอมา06.30 รถไฟก็มาถึงพวกเราก็รีบวิ่งขึ้ถไฟพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยอาหารพวกเราเดินทาง4ชั่วโมงจึงถึงปากช่องแล้วพวกเราก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีพอตัดสินใจได้แล้วก็ออกเงินเหมารถไป ส่วนเวลาพวกเราก็กลับรถทัวร์กันครับ           

การเดินทาง

                                                   
      มุ่งหน้าสู่ จังหวัดมหาสารคาม
  คุณครูได้มีโจทย์ให้เรียนรู้วิถีชีวิต การเดินทาง แบ่งกลุ่มเป็น สามกลุ่ม เพื่อเป็นการเรียนรู้ที่หลากหลาย      เวลา 5:40 กลุ่มมหาสารคามครูนัดไปเจอที่สถานีตำรวจ เพื่อที่จะต่อรถตู้ไปที่ บขส. บุรีรัมย์ แล้วเดินทางด้วยรถทัวร์ เป็นการเดินทางด้วยรถทัวร์ครั้งแรกที่ไปกับเพื่อนๆ และคุณครู ไม่มีพ่อแม่คอยให้เงิน หนูก็ต้องประหยัด ใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อให้มีเงินเหลือกลับบ้าน

    เวลาประมาณ 10:30-11:00 . ไปถึงที่มหาสารคาม พวกเราได้ไปกินข้าวที่ ม.สารคาม ถึงเวลากลับบ้าน พวกเราก็ซื้อตั๋ว แล้วยิงยาวมาถึงบุรีรัมย์ การเดินทางครั้งนี้หนูได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การซื้อตั๋ว การประหยัดอดออม

ล้อมวง เปิดใจ ครุ่นคิด

   มีหลายครั้งที่ พวกเรา ม2 ได้เปิดใจคุยกัน ในเรื่องต่างๆมากมาย บางครั้งพวกเราก็พูดถึงเรื่่อง สิ่งที่เราต้องปรับเปลี่ยนตัวของตัวเอง ในเรื่องใหน ในเรื่องใหนที่ทำผิดพลาดไปบ้าง บางคนก็พูดถึงเรื่องที่ ตัวเอง นั้นชอบคุย เล่น ในเวลาเรียนบ้าง บางคนพูดถึงที่ตัวเองไม่ค่อยลงทำแปลงผักสักเท่าไหร่ และส่วนเรื่องที่ครว ที่ปรับปรุงของตัวเองมีอะไรบ้างก็ว่ากันไป แต่พอมาพูดถึงเรื่องเก่าๆตอนเด็กๆว่าพวกเรามีประสบการณ์ อะไรที่น่ารัก และแสบบ้าง เพื่อนทุกๆคนได้พูดเรื่อง เพื่อน ที่เราอยากพูด ส่วนยก เรื่องของหนู พิมพ์เป็นคน พูด "ว่าหนู ตกสไลเดอร์ของเล่นที่อนุบาล ระหว่างวิ่งไล่จับกัยฃบเพื่อนๆ ที่คือตอนนั้นหนูจุกและ มากๆเลยค่ะ จนไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเล่น ต่อไม่ได้ เพื่อนต่างหัวเราะและสงสาร " แต่หนูว่ามันก็สนุกดีน่ะค่ะ และเป็นความทรงจำดีๆด้วยค่ะ ที่เราได้เล่นกับเพื่อน และได้มาเเชร์ความดื้อ เเละซนของตัวเองในตอนเป็นเด็ก

ปลูกผักไร้ดิน

     การปลูกผักแแบบไร้ดินของหนู วิธีของหนูคือ การทดลองปลูกผักไร้ดินเพื่อที่จะ ลองทำสิ่งใหม่ๆ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน อุปกรณ์  ฟองน้ำ เมล็ดผัก กรรไกร ถาดใส่ผัก  ขั้นตอนการทำของหนูคือ นำเอาฟองน้ำมาตัดเป็น สี่เหลี่ยมจัตุรัส เเล้วเจาะรูตรงกลาง เเช่ฟองน้ำไว้ประมาณ หนึ่งวัน แล้วค่อยนำเอาเมล็ดผักมาใส่ แล้วพรมน้ำ หลังจากนั้นก็เอาไปแช่น้ำ ไว้ และเอาไว้ในที่มืด ประมาณ 3-4 วันค่ะ แล้วมาดูแต่ของหนูเกิดปัญหาคือ ว่าหนู ลืมเอาไปแช่น้ำกับเพื่อนๆ ค่ะ เเต่ของเพื่อนๆเกิดหมดแล้ว หนูเลยเอามาแช่ ใหม่พอมาดูอีกที่ ของหนูก็เกิดดีกว่าเพื่อนๆ ค่ะ 555 อย่างที่บอก มาหลังดังกว่าค่ะ และเกิดสวยกว่าเพื่อนๆด้วยค่ะ  แต่ต้องรอดูต่อไปว่ามันจะสวยไปได้อีกนานเเค่ใหนค่ะ
 เรื่อง กิจกรรม ส่งท้ายของพี่ ม3

7/3/59  วันนี้เป็นวันที่พวกเรา ม1 และ ม2 ได้จัดกิจกรรมให้กั โดยบพี่ๆ ส่งท้าย และครั้งสุดท้ายที่พวกเราและพี่ๆจะได้ร่วมกิจกรรมแบบนี้อีก โดยเริ่มต้นตอนเช้าพวกเราเเยกย้ายกันทำกิจกรรมจิตศึกษาก่อนค่ะ แล้วค่อยมารวมกันค่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็พาพี่ๆ และน้องๆเล่นเกม ที่ใต้ถุนบ้าน ม1 ค่ะ แล้วก็ แบ่งกลุ่มเข้าฐานค่ะ พวกเราให้พี่ๆและน้อง นับ 1ถึง 5 เพื่อที่จะได้แบ่งกลุ่มง่าย พอแบ่งกลุ่มเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันประจำฐาน ค่ะ ส่วนฐานของหนู คือ "ความอดทน"  กติกาก็คือ ให้หาลูกอม สีฟ้าที่ซ่อนไว้ ในที่ต่างๆไม่ว่าจะใต้ใบสน บนต้นไม้ ทีแรกว่าจ่ะให้ มันสามขาแล้วลากไปถึงเส้นชัยแต่่ โหดเกินไปหนูเลยเปลี่ยนแค่ให้ลากล้อรถไปถึงเส้นชัยแล้วหาลูกอม ให้ครบ 5 เม็ดค่ะ กิจกรรมเป็นไปด้ายความสนุกสนาน และพอเล่นเสร็จหมดทุกฐานแล้ว พวกเราทุกๆคน ที่มาช่วยกันเตรียมอาหาร กลางวันด้วยกัน และรับประทานอาหารด้วยกันโดยนั่งพี่ คละน้อง และพอกินเสร็จก็ให้ล้างถาดให้กันค่ะ แล้วก็ขึ้นมาบนบ้าน ม2 มาดูคลิปแล้วพูดขอบคุณพี่ๆ ที่คอยบอกคอยเตือนเรา หลังจากนั้นก็มอบของที่ละลึกให้พี่ๆ และโอบกอดกันค่ะเป็นความสุขครั้ง สุดท้ายที่จะได้ทำกับพี่ๆ ม3 ค่ะ พวกเราทำเต็มที่ค่ะ

ภาษาไทย2

  ความสุขหายไปไหน ชีวิตยังต้องเดินต่อไป ฉันนอนอยู่โรงบาล นี่เป็นตัวอย่างของบทกวีไฮกุที่หนูแต่งเองค่ะ
   เรากำลังเรียนเกี่ยวกับบทกวีไฮกุซึ่งเป็นบทกวีของญี่ปุ่น ไฮกุเป็นหัวใจสำคัญของบทกวีโกอาน   โดยไฮกุเป็นบทกวีที่มีเนื้อความเดียวกัน  หลักการแต่งบทกวีไฮกุคือ บรรทัดแรกมี5คำ บรรทัดที่สองมี7คำ และบรรทัดสุดท้ายมี5คำ รวมทั้งหมดมี17คำ  ไฮกุไม่ต้องมีคำเชื่อม แต่เนื้อความต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งหนูว่าการที่เราจะแต่งบทกวีไฮกุนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย หนูว่ามันง่ายซะด้วยซ้ำ หนูสนุกกับการแต่งบทกวีไฮกุมากค่ะ จากการฟังบทกวีต่างๆที่คุณครูตั้งใจที่จะเปิดให้เราฟังมันทำให้หนูได้คิดต่อในหลายๆเรื่อง ทำให้หนูได้มีความคิดที่แปลกใหม่(ต่างไปจากเดิม) 
            "รอยช้ำบนใบหน้า  แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา มวยไทยช่อง 7 สี"

ปลูกผัก

การปลูกผักทำให้เรารู้จักการเลี็ยงดูตนเอง
และทำให้เรามีรายเป้นขิงตนเองโโยที่เราไม่
ต้องใช่ค่ายใช่จ่ายมาก แต่เราจะได้กำไร
และมีประโยนช์
ความงอกงาม
ตั้งแต่ที่ผมขึ้น ม.2ข้นมาผมก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวผมเอง และพวกเราก็ได้ทำแปลงผักร่วมกันในตอนนั้นแปลงผักเราว่างเปล่ามากๆ พวกเราก็ช่วยกันขนดิน พรวนดินช่วยกันแล้วครูเส็งก็ซื้อเมล็ดผักมาแล้วช่วยกันทำแปลงช่วยกันจากนั้นก็นำเมล็ดผักที่ครูซื้อมานำมาปลูกแล้วก็ช่วยกันดูแลรักษาจนพวกเราได้ผลิตและได้ขายให้กับคุณป้าแล้วไม่ต่ำกว่า100บาท ผักที่เราปลูกก็มีผักบุ้ง ผักชี โหรพา กระเพา พริก ผักกาด ผักกวางตุ้ง ตะไคร้ ถั่ว แต่เราก็ไม่ได้ปลูกผักทำแปลงแค่อย่างเดียวพวกเรายังเลี้ยงปลาดุกและเลี้ยงกบแต่ตอนนี้ปลาดุกของเราก็นำไปทำอาหารแล้วเหลือแค่กบอยู่ประมาณ10กว่าตัว แต่พวกเราก็ยังดูแลมันอยู่ส่วนผักตอนนี้พวกเราก็ยังดูแลมันเหมือนเดิม จนกว่าเราจะปิดเทอม

 


วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาษาไทย 1

   ในวันนั้นเองครูประจำวิชาของพวกเราได้เปิดคลิปให้พวกเราดู โดยที่ให้พวกเรานั่งหันหลังแล้วฟังเสียงที่ได้ยิน พร้อมกับจดบันทึกว่าตัวเองชอบประโยคไหนมากที่สุด เพราะอะไร? หลังจากที่พวกเราฟังคลิปจบ พวกเราก็นั่งเป็นวงกลม ครูก็ชวนคุยว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับสิ่งที่ได้ฟัง เพื่อนก็พูดในสิ่งที่ตัวเองได้ยินและเข้าใจ ครูก็ถามต่ออีกว่าพี่ๆได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ได้ฟัง?” ทุกคนในวงได้พูดทั้งหมด เพื่อนแต่ละคนก็พูดในสิ่งที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน คลิปที่ครูเปิดให้เราฟังนั้นเป็นเนื้อความของบทกวีโกอาน บทกวีโกอานเป็นบทกวีของญี่ปุ่น ซึ่งมีตำนานเล่าขานมานาน เป็นบทกวีที่แฝงไปด้วยปริศนาธรรม บทกวีโกอานสอดแทรกไปด้วยแง่คิดต่างๆมากมาย ซึ่งเราก็ต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างมากในการอ่าน เพราะเนื้อความค่อนข้างซับซ้อนและเข้าใจยาก ครูชอบให้เราฟังบ่อยๆเพราะมันจะทำให้เราได้คิดตาม 

ครอบครัวเดียวกัน

    ฉันเติบโตมาในอ้อมกอดของตายาย ฉันมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะตากับยาย ตลอดเวลาที่ฉันเรียนอยู่ที่นี้ (โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา) ฉันมีความสุขมากและที่นี้ก็มอบความสุขอันยิ่งใหญ่ให้กับเช่นกัน ครั้นเวลาไปโรงเรียน เราก็จะมีกิจกรรมเคารพธงชาติ(เป็นการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความหมาย) มีการไหว้พี่ไหว้น้องเพื่อแสดงถึงการเคารพซึ่งกันและกัน  เราทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ที่นี้สอนให้ฉันรู้จักเข้าใจชีวิตตัวเอง เป็นตัวของตัวเองไม่ต้องตามใคร
   ฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และฉันก็เชื่อว่าคนอื่นๆก็คงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของฉันเช่นกัน ตอนนี้ฉันเองก็มีเรื่องราวมากมายในชีวิต มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป แม้ความสุขนั้นจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตามแต่มันก็ทำให้ฉันมีความสุขยิ่งนัก ความสุขนั้นคือการได้ยิ้ม การได้หัวเราะ  การมอบความอบอุ่นให้กันและกัน ฉันมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้เพื่อน เพื่อนทำให้ฉันหัวเราะ ทำให้ฉันมีความสุข เพื่อนคือคนที่อยู่เคียงข้างเรา คอยช่วยเหลือเรา เพื่อนทำให้ฉันยิ้มได้แม้กระทั่งตอนที่ฉันมีเรื่องทุกข์ใจ