วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ช้างกลับใจ

         เป็นเรื่องเกี่ยวกับช้างตัวหนึ่ง  ที่อยู่ในพระราชวัง  ช้างตัวนี้นิสัยดีมาก  ไม่เคยทำร้ายใครเลย  บอกอะไรก็เชื่อฟัง  แต่มีอยู่วันหนึ่งมี่กลุ่มโจรเข้ามาพักอยู่ที่หลังกำแพง ที่ช้างอาศัยอยู่  แล้วกลุ่มโจรก็พูดคุยแต่เรื่องที่ไม่ดี  ช้างเลยได้ยิน  ได้ยินทุกวันๆ  อารมณ์ของช้างก็เริ่มแปลปวน  อารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ  และได้ทำร้ายควาญช้าง ทุกคนเลยหาสาเหตุที่ทำให้ช้างเป็นแบบนี้  ควาญช้างก็ได้สังเกตุช้างทุกวันๆ จนรู้สาเหตุว่าทำไมช้างถึงอารมณ์เสีย  
       พอรู้สาเหตุทั้งหมดแล้ว ท่านอำมาตย์เลยเสนอความคิดเห็นว่า  ให้นักบวชมาสนทนาธรรมให้ช้างฟัง  หลังจากนั้นช้างก็กลับมานิสัยดีเหมือนเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กุหลาบ..เป็นเรื่อง.

            วันนั้นพวกเราพูดคุยกันเรื่องการเขียนบล็อก ครูเริ่มเล่าถึงบทความของนักเรียนแต่ละคนพร้อมกับกล่าวชื่นชมขอบคุณแต่ละเรื่องราวที่เขียนให้ครูและเพื่อนๆ ได้เข้าไปอ่านรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เป็นเรื่องห้วงหนึ่งของช่วงชีวิตแต่ละคน
ครูให้โจทย์นักเรียนแต่ละคนเขียน
รุ่งอรุณแห่งชีวิต จะเป็นเรื่องราวการเขียนถึงช่วงเรียนอยู่ระดับอนุบาล เจอเหตุการณ์ไหนบางที่คำนึงถึง นำมาเล่าถ่ายทอดลงบล็อก
วิจิตรตะวันฉายแสง จะเขียนถึงเรื่องราวตอนที่เรียนระดับประถม เหตุการณ์ระหว่างครูหรือเพื่อนๆ ที่น่าจดจำ
ร้อนแรงทรงพลัง เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระดับมัธยม ส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น ตอน...
            หลายคนเขียนเรื่องราวได้เป็นเรื่องเป็นราว บางบทความสามารถเรียกน้ำตาหรือบางบทความเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะจากผู้อ่านได้ ผมประทับใจทุกเรื่องราวของลูกศิษย์ที่เขียนลงในบล็อก เพียงขณะเริ่มต้นการเขียนหลายๆ คนก็ฉายแววนักเขียนน้อยตามมามากมาย
            หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนักเรียนระหว่างมาโรงเรียนฯ ผมจะเห็นเรื่องราวที่ต่างประทับใจระหว่าง
“เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะครับครู” เสียงแว่วมาจากพี่ชาร์ป คุณครูและเพื่อนๆ ต่างมองไปหาน้ำเสียงนั้นตามๆ กัน พี่ชาร์ปพูดต่อ “เรื่องที่..พี่เหน่งเอากุหลาบให้พี่เดียร์นะครับครู” เสียงหัวเราะลั่นวงดังขึ้นมาทันที ราวกับว่าเหตุการณ์นี้มันอยู่ในความทรงจำของเพื่อนๆ ทุกคน ยกเว้นก็แต่พี่ออดี้กับคุณครูที่กำลังฉงนอยู่กับเรื่องที่พี่เหน่งเอากุหลาบให้พี่เดียร์ตอนไหนกัน ครูมองไปที่พี่เดียร์กับพี่เหน่งทั้งคู่ต่างก็เคอะเขินกับเรื่องนี้ เหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเมื่อนานมามากแล้ว ทำให้เขาทั้งคู่กลับมาเอียงอายต่อกันและกันอีกครั้งอย่างประหลาดใจ
ดิว “ใช่ๆๆ ผมก็จำได้เรื่องนี้ครับ” พี่ดิวก็เออออไปตามกับเข้าด้วย
ครูป้อม “เดี๋ยวๆ ก่อนนะครับ..พี่ชาร์ปช่วยเล่าเรื่องให้ครูและพี่ออดี้ฟังหน่อยสิครับ”
ชาร์ป “ตอนอยู่ประถมครับ พี่เหน่งเอากุหลาบไปให้พี่เดียร์ทุกๆ ปีตอนวันวาเลนไทน์ครับ” พี่ชาร์ปพูดออกไปและหันหน้าไปสบตากับพี่เหน่งที่กำลังเคอะเขินอยู่ข้างๆ พี่ดิวกับพี่ชาติ
เหน่ง “ไม่เลย...ไม่เคยให้สักหน่อย” ใบหน้าอันแดงกร่ำของพี่เหน่งบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ
เพื่อนๆ ผู้หญิง “ไม่เคยตอนไหน...เหน่งเคยๆๆ..เอากุหลาบให้กับเดียร์นะพวกเรารู้” ทุกคนในวงต่างส่งสายตาจับจองใบหน้าของพี่เหน่งกับพี่เดียร์ ประหนึ่งว่าให้ทั้งคู่พยายามหวนกลับไปสู่วันวานนั้นอีกหนให้ได้
เดียร์ “เคยๆ เหน่งเอากุหลาบให้เรา” พี่เดียร์พูดโพล่งออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คุณครูและเพื่อนๆ ต่างพากันงงงวยกันสิ่งที่พี่เดียร์เฉลยออกมา ทำเอาพี่เหน่งถึงกับต้องเปิดเผยความลับนี้ออกมาให้เพื่อนๆ รับรู้ในเวลานี้จนได้
เหน่ง “เคยๆ ให้ แค่ครั้งเดียวเอง..” พี่เหน่งพยายามพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักแทบจำใจความไม่ได้
            ในบรรยากาศวันนั้นทุกคนในวงต่างพากันหัวเราะคึกครื้นกัน พี่เหน่งกับพี่เดียร์ก็ยังอมยิ้มกับเหตุการณ์วันนั้นอยู่ตรึงใจเช่นเคย

*แต่ความลับนั้น…
ไฉนเลยวันนี้ครูได้เข้าไปพูดคุยกับพี่เดียร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่พี่เหน่งมอบดอกกุหลาบให้ในคร่าวนั้น พี่เดียร์บอกกับครูว่า “พี่เหน่งเอากุหลาบมาให้หนูตั้งหลายครั้ง เกือบทุกๆ ปีเลยค่ะ”
ครูป้อม “พี่เหน่งครับ..ที่บอกครูว่าเคยเอากุหลาบให้เพียงครั้งเดียวจริงหรือเปล่าครับ(พี่เดียร์บอกความจริงครูแล้วนะครับ)
เหน่ง “มากกว่าหนึ่งครั้งครับครู..มันนานมาแล้วครับ” พี่เหน่งยังคงพยายามอธิบายด้วยท่าทีเคอะเขินเช่นเคย

            ความลับแห่งวันวานอันหวานสดใสของเพื่อนๆ ต่างเป็นเรื่องราวอันทรงคุณค่า น่าจดจำ อย่างยิ่ง มีสักกี่ครั้งที่เราเคยทำอะไรๆ ผิดแผกจากตัวเรา เพื่อคนที่เรารักนั้น มันช่างให้ความอบอุ่นยิ่ง..ประทับตรึงใจมิรู้ลืม...

แถม.. กุหลาบ 4 ดอกให้สาวๆ ในวันเดียว
โอ๊ต "วันวาเลนไทน์พอดี วันนั้นน้องๆ ม.3 ได้เปิดตลาดขายของที่บริเวณร่มไผ่ พี่เบสก็ได้นำดอกกุหลาบมาขายพอดี แล้วผมก็กำลังจะชื้อของอยู่ มีเพื่อนๆ ผู้หญิง 4 คน(ตุ๊กตา เดียร์ อ้อแอ้ และอุ้ม)ก็เอาเงินของผมไปหมดเลย พวกก็เงินผมไปซื้อดอกกุหลาบมา 4 ดอก และเอาไปแจกกันเองหน้าตาเฉย ทำเอาผมยืนตกใจตัวแข็งทื่อเลยหละครับ"

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โทริโกะ

         สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากหนังสือการ์ตูนโทริโกะ

     ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและก็ห่วงโซ่อาหารและ สัญชาติตยานการเอาชีวิตรอดของสัตว์ต่างๆ

ผมก็ได้ติดตามมาตลอดสนุกมากครับ.

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วันหยุดที่น่าจดจำ

         วันหยุดที่ผ่านมา เป็นวันเสาร์   ที 22 ของเดือน พฤศจิกายน  
        หนูได้ตื่นแต่เช้า  แต่ก็ไม่เช้าเท่าไรหรอกค่ะ  หนูได้อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  แล้วทำงานบ้าน พอหนูทำเสร็จหนูก็ได้ไป เกี่ยวข้าวที่โรงเรียนค่ะ         จนกว่าหนูจะไปถึง คุณครู พี่ๆ และน้องๆ ก็เกี่ยวใกล้จะเสร็จแล้วแหละค่ะ  
      หนูก็เลยลงไปเกี่ยวช่วยจนเสร็จ   แล้วได้ขึ้นมาพักระหว่างทางพี่บีม (อ) ก็ได้ถ่ายรูป ก่อนที่จะถึงที่พัก  แล้วได้ไปเกี่ยวข้าวอีกที่หนึ่ง  ระหว่างทางเดิน หนู เพื่อนๆ และพี่ ม.3 บางคนก็ได้ถ่ายรูปไปด้วย  แล้วได้ลงเกี่ยวข้าว  หลังจากนั้นหนูกับพี่ๆ ม.3บางคนก็สนิทกัน  
หนูรู้สึกว่าหนูกับพี่ๆ สนิทกันมาก และหนูรู้สึก  รักพี่ๆ มากค่ะ

แนะนำหนังสือ โมโมจัง

 เป็นวรรณกรรมที่อ่านง่ายแล้วก็สนุกด้วยค่ะ หนูอ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ

  มีภาพประกอบด้วย ผู้แต่งเป็นคนญี่ปุ่น หนูก็ยิ่งชอบวรรณกรรมเรื่องนี้เ
ข้าไปอีกเพราะคนญี่ปุ่นเป็นคนแต่ง (หนูพึ่งอ่านจบเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ)


                             ลองอ่านกันดูนะคะ อ่านง่าย เนื้อเรื่องสั้นด้วย!!

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน เกี่ยวข้าว

      ตอน เกี่ยวข้าว
            วันนี้เป็นวันเสาร์พวกเราทุกคนช่วยกันเกี่ยวข้าวที่หลังโรงเรียนใช้เวลาในการเกี่ยวไม่นานหรอกค่ะ มีผู้ปกครอง คุณครู และนักเรียน พวกเราช่วยกันเกี่ยวแต่ละคนก็มุ่งหน้าอยู่กับงานที่ตัวเองทำ หนูเอาเคียวมาแต่ไม่ได้เกี่ยวหรอกค่ะ เพราะว่าคนเกี่ยวเยอะแล้วหนูก็เลยมารับข้าวไปวางแทนค่ะ หนูกับพี่ฟ้า(วิ) ช่วยกันรับข้าวไปวางค่ะ เหนื่อยมากเลยค่ะ ขนาดแค่รับข้าวนะเนี่ยยังเหนื่อยขนาดนี้เลย หนูเหนื่อยมากๆ เลยค่ะ 
           เกี่ยวข้างหลังเสร็จก็ไปเกี่ยวข้างหน้าโรงเรียนต่อค่ะ แปลงที่พวกเราเกี่ยวมันมีน้ำค่ะ แต่พวกเราเลือกที่จะไม่เกี่ยวตรงที่มีน้ำเพราะกลัวว่ามันจะเปียก แต่สุดท้ายแล้วพวกเราก็ได้เกี่ยวเหมือนเดิมค่ะ(ไม่มีใครเกี่ยวเพราะมีน้ำ) พวกเรากับพี่ๆม.3 ช่วยกันเกี่ยวแต่ไม่ได้เกี่ยวอย่างเดียวนะคะ คุยไปด้วยเล่นไปด้วย และที่สำคัญคือถ่ายรูปค่ะ สนุกกันมากๆเลยค่ะ พอถึงเวลากินข้าวเขามีไอศกรีมแจกด้วยหนูกับพี่พากันไปกินไอศกรีมคนละ 2 แท่ง อื้มอร่อยมากเลยยย
                            
                                                                          ไอศกรีมมันอร่อยอย่างนี้เอง^=^                      

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน "แอบชอบ"

       ความรู้สึกตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วหลังจากที่หนูแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง หนูบอกเพื่อนหนูคนหนึ่งว่าหนูแอบชอบรุ่นพี่คนนั้น เพื่อนเขาสนับสนุนให้หนูไปบอกพี่เขาแต่หนูไม่กล้าบอก เพื่อนเขาเลยไปบอกพี่เขาโดยที่หนูไม่รู้ตัว หนูเริ่มสงสัยว่าทำไมพี่เขาทำตัวเหินห่างไม่เหมือนเมื่อก่อนและทำให้หนูรู้สึกว่าหนูควรทำตัวให้ห่างออกจากพี่เขา จนหนูไปถามเพื่อนคนนั้นว่าไปบอกอะไรพี่เขาหรือเปล่าเพื่อน เพื่อนคนนั้นบอกว่าไปบอกพี่เขาแล้ว ว่าหนูแอบชอบพี่เขา 
     
  ตอนแรกพี่เขาก็ไม่ค่อนอยากจะเชื่อเท่าไรว่าหนูแอบชอบ ไม่นานความสัมพันธ์และความรู้สึกต่อพี่คนนั้นก็เปลี่ยนไปจนถึงทุกวันนี้ แต่ทุกวันนี้หนูกับพี่เขาก็เริ่มกล้าที่จะคุยกันมากขึ้นแต่ก็ยังมาสนิทเหมือนเดิมเท่าไร แต่หนูก็ดีใจว่าอย่างน้อยพี่เขาก็ยังยอมคุยกันหนู บางครั้งพี่เขาก็มากวนหนูมันทำให้หนูมีหวังและมีความรู้สึกว่าพี่เขาก็แอบมีใจให้หนูเหมือนกัน (หนูอาจจะชอบพี่เขาจนหนูเพ้อคิดไปเองละมั้ง) พี่เขาชอบทำให้หนูมีหวังตลอดที่เล่นหรือคุยกัน เพื่อนหนูคนนั้นเขาก็จะชอบล้อหนูในตอนแรกๆเมื่อเห็นหนูเล่นกับพี่เขา จนหนูต้องได้เลิกเล่นกันพี่เขา
      ก็หวังว่าสักวันหนึ่งหนูจะต้องบอกพี่เขาด้วยตัวหนูเองว่าหนูชอบพี่คนนั้นมาตั้งแต่ก่อนไป ม. ขอนแก่น และไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรหลังจากที่หนูบอกพี่เขาหนูก็จะยอมรับความจริง..

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผมเลขที่ 17 นะครับครู

      ช่วงบ่ายโมงแสงแดดอ่อนๆ กลางเดือนสิบเอ็ดลมเหมันต์ที่พัดผ่านมาแต่ละครั้งทำเอาครูและเด็กๆ มัธยมหลายๆ คนตัวสั่นระริก
       ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวจากแปลงนาของโรงเรียนฯ ก็เลยต้องขอใช้สนามบาสฯ ซึ่งเป็นสนามอเนกประสงค์เพียงแห่งเดียวที่สามารถใช้ตากข้าวได้เป็นสนามที่เด็กๆ มัธยมจะใช้เล่นกีฬาร่วมกันในช่วงเลิกเรียน ส่วนบริเวณอื่นเป็นสนามหญ้าที่เขียวขจีโดยบริเวณทั่ว เด็กๆ อนุบาลกับเด็กประถมก็วิ่งเล่นกันอย่างเพลิดเพลินสนุกสนามทุกๆ ตอนเย็นระหว่างรอผู้ปกครองมารับกับคุณครูทั้งชาย-หญิงที่ร่วมเล่นกับเด็กๆ
       ที่ระดับมัธยมวันนี้คุณครูจัดกิจกรรมการละเล่น โดยให้พี่ๆ ม.3 สอนน้องๆ ม.1 กับ ม.2 เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ คิดขึ้นจัดเป็นฐาน เพื่อนให้ทุกคนได้เข้าร่วมกิจกรรม เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่ๆ กับน้องๆ อย่างมีไมตรีจิตที่ดีต่อกันและกัน


_พอเสร็จกิจกรรมก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ทุกคนได้มานั่งวงกลมร่วมกันบริเวณสนามหญ้ามัธยม ครูณีเป็นผู้คอยอำนวยกิจกรรมต่อ โดยพาครูและเด็กๆ เล่นกิจกรรมสลับที่นั่ง, มอญซ้อนผ้า แต่ก็มีเหตุเกิดขึ้นที่พวกเราทุกคนต่างฉงนสนเท่ห์กันทุกคน
ครูณี “ให้พี่ๆ ม.1, ม.2, ม.3 นั่งเรียงติดกันในวงกลม โดยให้เลขที่ 1 นั่งด้วยกัน..จนถึงเลขที่สุดท้าย” หลังสิ้นเสียงคุณครู เด็กๆ พากันวิ่งกันไปคนละคนละทาง และพากันมาเรียงในวงกลมที่ละ 3 คน จนเกือบเต็มครบวงกลม
       ก็จะมีแต่..พี่ออดี้ที่ยืนหมุนซ้ายทีหมุนขวาทีที่จะหาคนพี่ๆ ม.2 กับ ม.3 ที่มีเลขที่ 17 เหมือนกับเขา สุดท้ายแล้ว เหลือเพียงพี่ออดี้คนเดียวที่กำลังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงกลางวงกลมใหญ่ โดยที่มีทั้งครูมัธยมทุกคน(5 คน) และเด็กๆ มัธยมทุกคน(เกือบๆ 60 คน) ล้อมรอบเขาอยู่ในเวลานี้ พี่ออดี้ก็ค่อยๆ เดินกลับไปนั่งที่เดิมของตนเองในวงกลม โดยทุกสายตาต่างมองมาหาพี่ออดี้ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานเสมอ

     ทามกลางเสียงพูดคุยกันของเด็กๆ มัธยมและเสียงหัวเราะของพี่ๆ น้องๆ ที่เล่าสู่กันฟังในตอนนั้น

ออดี้ “เอ่อ...ครูณีครับ.. เมื่อกี้นี้นะครับ..ครูรู้ไหมครับ.. ว่าเหมือนกับคุณครูฆ่าผมให้ตายเลยนะนั่น!” พี่ออดี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นสั่นเครือ ใบหน้าอันเบิกบานยิ้มแย้มตลอดเวลาของเขาพยายามมองไปหาครูณีที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม แต่ครูณีกับทุกคนก็แทบไม่ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของที่พี่ออดี้ที่พูดออกมารอบที่ 1
ออดี้ “เอ่อ...ครูณีครับ.. เมื่อกี้นี้นะครับ..ครูรู้ไหมครับ.. ว่าเหมือนกับคุณครูฆ่าผมให้ตายเลยนะนั่น” หลังสิ้นเสียงที่พี่ออดี้พูดประโยคเดิมเปะ ครูณีและทุกคนก็ต่างสนใจในการพูดของพี่ออดี้ในรอบที่ 2 นี้มากขึ้น
ครูณี “เดี๋ยวๆๆ..ทุกคนเงียบๆก่อนนะคะ.. ฟังๆ พี่ออดี้จะพูดอะไร?” เสียงต่างๆ เงียบกริบขึ้นมาทันใดหลังสิ้นสียงของครูณีเชิญชวนฟังพี่ออดี้จะพูด ครูณีพูดต่อ “เชิญพี่ออดี้พูดค่ะ” ครูทุกคนและเด็กทุกคนต่างตั้งใจฟังกับสิ่งที่ออดี้กำลังจะบอกออกมา
ออดี้ “เอ่อ...ครูณีครับ.. เมื่อกี้นี้นะครับ..ครูรู้ไหมครับ.. ว่าเหมือนกับคุณครูฆ่าผมให้ตายเลยนะนั่น” ครูณีและทุกคนต่างตะลึงกับสิ่งที่พี่ออดี้พูดออกมา แต่ทุกคนก็มาทบทวนสิ่งที่พี่ออดี้พูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

       ชั้น ม.3 มีเด็กๆ 16 คน และชั้น ม.2 มีเด็กๆ 16 คน ส่วนเด็กๆ ม.1 มี 17 คน และพี่ออดี้เลขที่ 17 จึงไม่มีคู่ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาพี่ๆ เพื่อนๆ และคุณครูต่างพากันอมยิ้มอย่างปีติสุขใจกับท่าทางอันน่ารักของพี่ออดี้ที่บอกความรู้สึกออกมา ครูณีหัวเราะจนหน้าแดงและพูดต่อ..
ครูณี “พวกเราทุกคน..’ขอโทษพี่ออดี้’ พร้อมกันค่ะ” ครูณีพูดออกไปเหมือนจะกลั้นเสียงหัวเราะแทบไม่อยู่
ทุกคน “ขอโทษนะครับออดี้ / ขอโทษนะคะออดี้ ” เสียงดังกระหึมที่เปล่งออกมาพร้อมเพรียงกันปะหนึ่งเสียงประสานที่ฝึกซ้อมกันมานานเนิ่น

สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหตุการณ์ที่เด็กๆ กับคุณครู ต่างพากันอมยิ้มกับเรื่องราวที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเล่าเก็บไว้..

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เธอที่กำลังจะจากไป(พื่อน)


เธออย่าลืมนะ  
อย่าลืมเรื่องราวเก่าๆ นะ  

 ถ้าเธอไปแล้วก็มาหาบ้างก็ได้นะ  
เราจะไม่บอกใหห้เธอไป 
ถ้าเธออยากที่จะไป เราก็ไม่ห้ามเธอ 

แต่อย่าลืมนะโปรดอย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนนะมานานพอ                                                                                                                                
             

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน วันแรกของการเปิดเรียน

       วันแรกของการเปิดเรียน ช้สิ ใช้ๆ มันคือวันแรก
วันแรกที่ก้าวเท้ามาไม่รู้จักกับพี่ๆ ได้เจอพี่ๆ พี่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ก็ดีค่ะ ไม่รู้จักกันได้พูดคุยกัน
     จากนั้นก็สนิทกันมากขึ้น ส่วนที่ที่ยังไม่รู้จักก็ได้รู้จักและพูดคุยกัน


      วันแรกที่พี่ๆ และเพื่อนๆ เปิดเรียนมา
      คุณครูก็จัดกิจกรรมให้กันพวกเราได้พูดคุยกัน เล่นด้วยกัน เล่นเกมต่างๆ ทั้งวัน
      วันนั้นทำให้หนูมีความสุขมากค่ะ ผ่านมามากกับการที่ได้รู้จักพี่ทุกคน และอีกไม่นานพี่ ม.1 พี่ก็จะต้องไปเรียนที่อื่นแล้ว ก็ขอให้พี่ๆ จดจำเรื่องราวต่างๆ ไว้ในความทรงจำพวกเราไว้ด้วยนะคะ

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมจึงทำให้เป็นแบบนี้

         วันนั้นเป็นวันเกือบสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอม  ของภาคเรียนที่ 1 มีเพื่อนคนนึงบอกหนูว่า  มีอะไรจะบอก หนูก็เลยถามว่า จะบอกอะไร แล้วเพื่อนคนนั้น ก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก่อน  ทำไมต้องเป็นวันสุดท้ายที่เค้าจะได้อยู่โรงเรียนนี้แล้ว ทำไมอ่ะ ก็พ่อเค้าให้ออกไป  เรียนที่โรงเรียนอื่น  ไม่ไปไม่ได้หรอ  ไม่รู้เดี๋วลองถามพ่อดูก่อน  
      พอวันต่อมา หนูก็พยายามถามเพื่อนคนนั้นตั้งแต่เห็นหน้า พยายามถามทุกครั้งที่ได้คุยด้วยกัน แต่เพื่อนคน นั้นก็ไม่บอก 
     เวลาผ่านไป  ตอนกินข้าว  เพื่อนคนนั้นก็เรียกหนูกับเพื่อนสนิทหนูไป นับตั้งแต่วินาทีนั้น หนูรู้เลย ว่าเพื่อนคนนั้น  จะบอกรัก  หนูเลยแกล้งทำเปนไม่รู้เรื่อง หนูก็เลย  เดินตามไป ที่หนูเดินตามไปเพราะอยากรู้ว่า เพื่อนคนนั้นจะพูดยังไง เพราะไม่เคยเห็นเพื่อน  คนนั้นบอกรักใครเลย เขาไม่กล้าบอกหนู เพราะเขินเลยเดินไปคุยกับเพื่อนสนิทของหนูว่า จะบอกยังไงดี สุดท้ายเพื่อนคนนั้นก็ตัดสินใจที่จะบอก  อ้อแอ้ เค้า ชอบ ตัว เอง แล้ว  เพื่อนคนนั้นก็วิ่งหนีไปเพราะความเขิน หนูเลยตะโกนถามว่าจริงหรอ... แต่เพื่อนคนนั้นไม่ตอบหนู พอเขาเดินมา หนูเลยแกล้งถามเล่นๆ ว่า จิงหรอ... เพื่อนคนนั้นเลยบอกว่าเค้ารู้ ว่ายังไงตัวเองก็ไม่ชอบเค้าอยู่ดี ในตอนนั้นหนูหน้าจางเลย  
     นับตั้งแต่วันนั้นมาหนูกับเพื่อน  คนนั้นก็ไม่สนิทกันเหมือนเดิม    อยากให้เพื่อนคนนั้นกลับมาสนิทกับเราเหมือนเดิมจัง...

อธิษฐานสิจ๊ะกับนางฟ้าสีเขียว

    เป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อน 2 คนที่มีฐานะแตกต่างกัน คนนึงเป็นเด็กเก็บขยะ อีกคนก็เรียนหนังสือ ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนกันชอบเล่นด้วยกันมาตลอด

    #หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเเรกที่หนูอ่าน(วรรณกรรม)สนุกมากเลยค่ะ ชอบมากๆ เลย และเป็นเรื่องที่คุณครูใหญ่แต่งด้วยค่ะ
     
     ตั้งแต่นั้นมาหนูก็ชอบอ่านวรรณกรรมเลยค่ะ
หนังสือเล่มนี้สนุกมาก 
   หนูอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกันดู รับรองว่าถ้าอ่านเเล้วจะติดใจ ซึ้งมากๆ กับหนังสือเล่มนี้

                                                            ลองอ่านกันดูนะคะ+_-

ร้อนเเรง..ทรงพลัง- โฟร์ท

      ตอนที่ผมอยู่ ป.6 
      ผมชอบเล่นบอลมาก เเต่พอขึ้นมัธยมครูได้พาผมเล่นเล่นบาส ตอนเเรกผมเล่นไม่เก่งเลย เเละผมก็พยายามเล่นบาสให้เก่งขึ้น  
     เเละตอนนี้ผมก้เล่นเก่งขึ้นมาก
      เเละผมก็จะพยายามต่อไป

ร้อนแรงทรงพลัง-ชาติ

กีฬาที่เริ่มเล่น
กีฬาที่ผมเริ่มเล่นตอนอยู่มัธยมคือ "ตะกร้อ" ตอนผมอยู่ ป.6 ผมยังเดาะตะกร้อไม่เป็น 
ได้แต่แทงเข่า พอมามัธยมผมเริ่มเดาะได้เล่นจากนั้นผมก็เริ่มฟาดตะกร้อ
ตอนเย็นผมก็จะไปเตาะตะกร้อกับเพื่อน ผมว่าคนที่จะฉายแววที่สุดคือน้อง "โก้" 
เพราะน้องโก้เสริฟตะกร้อเก่งและโหมงเก่ง 
แต่ยังไงผมก็จะฟาดตระกร้อให้ได้

เเนะนำหนังสือ "มังกรสอนใจ"

เป็นหนังสือเกี่ยวกับหลักธรรมะเป็นนิทานที่อ่านได้ทุกๆวัย เป็นนิทานที่เเต่งใช้เหมือนกับชีวิตจริง โดยเเฝงหลักธรรมะลงไปด้วย  ก็มีเป็นตอนๆ หลายตอนเหมือนกันค่ะ 
     อ่านเเล้วเบาสมองดีค่ะ หนูอ่านอย่างบ่อยเลยค่ะ

น้องหมีสร้างบ้าน ด.ช.ชาร์ป

เป็นเรื่องเกี่ยวกับ..

การจินตนาการของเด็ก และเหมาะสำหรับเป็นนิทานก่อนนอนนะครับ

ร้อนเเรงทรงพลัง ตอน ภาษาเกาหลี

      ในตอนนั้นเป็นตอนเย็นพวกเรากำลังหาที่เล่นกันอยู่ ไปกัน 3 คนรวมกับฉันเป็น 3 เดินคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ย้อนเรื่องวัยเด็กบ้าง ความรักบ้าง เรื่องมั่วๆ ทั่วทีบทั่วเเดนบ้าง นี้เเหละพวกฉัน เดินเล่นจนเหนื่อยก็หาที่พัก จนไปเจอ ล้อยาง ที่อยู่ตรงต้นหางนกยูง พวกฉันก็พากันหยุดอยู่ตรงนั้น เเละมีเพื่อนคนหนึ่งทำท่าจะเขียน ภาษาเกาหลี เขียนเป็นชื่อของเพื่อนคนนั้น ชื่อว่า ยอโบ เป็นภาษาเกาหลี เเละฉันก็เขียนด้วย ชื่อว่า จินจู ส่วนอีกคนก็เขียนไม่เป็นหรอก เเต่ว่าก็หาชื่อภาษาเกาหลีที่เป็นชื่อตัวเองจนได้ ชื่อว่า อินฮียอง ไปๆ มาก็ทายภาษาเกาหลีกันไปมาๆ จนได้ไปเอาสมุดคำศัพท์เกาหลีมาทาย คนหนึ่งทายถูกอีกคนหนึ่งก็เเค้น(มีการเยิ้ยกันด้วย) คนทายผิดก็หัวเราะเเย้งกันตอบไปทั่วทั้งๆ ที่ไม่รู้คำศัพท์เกาหลีอะไรเลย หัวเราะตลกกันไปจนท้องเเข็ง จนสุดท้ายก็กลับบ้านกันหมด 
    วันนี้ฉันมีความสุขมากๆ ขอบคุณ  คุณเพื่อนทั้ง 2 คน ที่ทำให้ฉันมีความสุขมากวันนี้ 


คงจะรู้นะทั้ง 2 คน...

กิจกรรมในสัปดาห์ที่ 4

             ในสัปดาห์นี้พวกเราก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ ของประเทศที่เราได้ จากนั้นก็ทำเป็น
Time line โดยเลือกเหตุการณ์มา 5 เหตุการณ์แล้วเรียงตาม ค.ศ.
        จากนั้นก็ไปรับกระดาษแข็งกับครู แล้วมาวันพฤหัสบดีพวกเราก็มีกิจกรรมโชว์ความสามารถ ม.1 ก็แสดงอย่างแรกก็ ร้องเพลง  โดยพี่ชาร์ปและพี่เหน่งเป็นคนร้องส่วนอย่างที่ 2 พี่อุ้มกับพี่เบ้นก็มาร้อง ส่วนอย่างสุดท้ายพวกเราก็มาร้องคอรัสเพลงในสายลมครับ ส่วนวันศุกร์พวกเราก็มาเคลียงานและทำสรุปสัปดาห์ที่ 4 ครับ .

ร้อนแรงทรงพลัง"รักที่รอวันสมหวัง"

      คือ...หนูสึกว่าหนูมีความรูสึกดีๆ กับพี่ผู้ชายคนหนึ่งหนูก็ชอบพี่เขานานแล้วแหละ!!^^แต่ก็ทำเหมือนกับหนูไม่ได้ชอบพี่คนนั้น และมีวันหนึ่้งวันนั้นหนูมาโรงเรียนและได้คุยกับพี่เขาและหนูรู้สึกดีใจที่คุยกับพี่เขามาตลอด และหนูเองก็มีความรู้สึกว่าพี่เขาก็รู้สึกเหมือนกันกับหนูค่ะและอีกอย่าคือเราเจอกันทุกๆวันจึงทำให้หนูชอบเขา...หนูก็ยังมีความรู้สึกดีๆ กับพี่เขาอยู่เสมอ...^^

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน ม.1 ด.ช.ชาร์ป

       การเปลี่ยนชั้นเรียนใหม่จากตึกประถมมาเป็นอาคารมัธยมที่เป็นอาคารไม้สองชั้นและมีต้นไม้ล้อมรอบตัวอาคารเป็นบรรยากาศที่ดีมากเลยทีเดียว ผมชอบอาคารนี้ ถึงแม้ว่าจะเดินแรงหรือวิ่งเล่นบนอาคารไม่ได้


       แต่ถึงครูและเพื่อนจะไม่ให้พวกเราวิ่ง  แต่พวกเราก็ยังวิ่งอยู่ดีและเกือบทุกวันตอนพักเที่ยง พวกเราก็จะชอบตั้งวงเดาะตระกร้อเล่นกับเพื่อนผู้ชายหลายคนและตอนเลิกเรียนผมก็เล่นตระกร้อกับเพื่อนและ
ครู

เเก็งนักสืบ..หลังเลิกเรียน

      เป็นเรื่องเกียวกับเด็กที่อยู่ในโรงเรียน เเละสิ่่งของที่หายไปเป็นสิ่งของที่ไม่มีคนใช่ เช่น กระดาษที่ไม่คนใช่เเล้ว, ขลุ่ยทีเอาไปเเต่ตัวเป่า เเละหัวกระปุกออมสิน
 ผมก็อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านเรื่องนี้มากเพราะคนที่อ่าน จะได้ข้อคิดมากมายครับ

ร้อนแรงทรงพลัง"เพื่อน"

เพื่อนสนิทของหนูคนหนึ่งเขาแอบชอบรุ่นพี่อยู่ แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็เคยชอบเพื่อนสนิทของหนูเหมือนกันหนูอยากให้เพื่อนสมหวังจัง...
หนูคิดว่าหนูจะไปบอกพี่คนนั้นว่าเพื่อนของหนูแอบชอบพี่เหมือนกัน แต่เรื่องสำคัญคือหนูกับพี่คนนั้นไม่ได้สนิทกันเลยหนูก็ไม่รู้จะเข้าไปคุยกับพี่ให้เพื่อนได้ยังไง หนูกำลังหาวิธีช่วยเพื่อนของหนู
หนูได้แต่ล้อเขาว่า "ฟิววบืบบบี๊บี๊บ" หนูไม่มีอะไรจะล้อเขาจริงๆ หนูรักเพื่อนคนนี้มาก
หนูอยากเห็นเพื่อนมีควมสุขค่ะ 
คำว่า"เพื่อน"จะยังอยูในใจหนูเสมอค่ะ 

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รองเท้าสีแดง

เรื่องรองเท้าสีแดงเป็นเกี่ยวกับว่า มันมีข้างนึงที่หายไปมันเลยตามหาคู่ของมัน มันได้ไปลองคู่กับรองเท้าคู่อื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่คู่ของมันจนสุดท้ายมันก็เจอกับรองเท้าอีกข้าง 
แล้วก็ได้ใส่เป็นคู่..... 

นิทานเรื่องนี้หนูได้อ่านตั้งแต่ยังอยู่อนุบาลพวกเราจะเล่นกับเพื่อนว่า ถ้าใครหานิทานเรื่องรองเท้าสีแดงเจออคนนั้นจะโชคดีแล้วพวกเราก็จะแย่งกันเมื่อเจอนิทานเล่มนี้ค่ะ...

พิธีกร(ดิว)ที่ไร้เสียง

       วันนี้มีการประชันความสามารถของเด็กๆ มัธยม แต่ละระดับชั้นต่างกำลังขะมักเขม่นอยู่กับการซ้อม การแสดงแต่ละชุดทุกระดับชั้น
       เด็กๆ แต่ละคน ต่างมีบทบาทหน้าที่ในแสดงการประชันความสามารถในวันนี้ ครูแต่ละชั้นก็จะค่อยสังเกตดูว่าเด็กๆ จะจัดการกิจกรรมในวันนี้ออกมากันอย่างไรบ้างตลอด 3 สัปดาห์ในระหว่างการเตรียมตัว ทุกคนต่างตื่นเต้นและบางคนต่างก็งงงวยกับหน้าที่ของตนเอง

ก่อนหน้าที่จะมีการแสดงของเด็กๆ ม.1 ในวันนี้ พวกเราได้เลือกพิธีกรร่วมกัน โดยมีมติคนที่ถูกเลือก ก็คือ พี่ไข่มุกกับพี่ดิว หลังจากที่ทั้งสองคนได้รับมอบหน้าที่ ทั้งคู่ก็ต่างตั้งใจทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ทั้งคู่ได้แบ่งบทกันพูด ที่วางไว้ก็คือ จะให้พี่ดิวเป็นคนประกาศก่อนการแสดงของฝ่ายหญิง(พี่เบ้นกับพี่อุ้ม- ไม่รักไม่ต้องมาแคร์) และให้พี่ไข่มุกประกาศขณะที่ฝ่ายชายแสดง(พี่เหน่งกับพี่ชาร์ป - คั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่)

ตอนซ้อม
       ทั้งคู่ออกมายืนกลางเวทีและพิธีกรทั้งสองคนก็ได้พูดทักทายท่านผู้ชม ก่อนการแสดงแต่ละชุดจะมีขึ้น
ไข่มุก "สวัสดีค่ะท่านผู้ชม..วันนี้พวกเราจะมีการแสดงอันน่าตื่นเต้นให้รับชมกันค่ะ เป็นการขับร้องเพลงของพี่เหน่งและพี่ชาร์ป ในบทเพลงคั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่... ขอเสียงปรบมือด้วยค๊าา.." พี่ไข่มุกพูดด้วยท่าทีที่มาดมั่น ด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
พี่ดิว "การแสดงชุดต่อไป ก็คือพี่เบ้นกับพี่อุ้มจะมาขับร้องเพลงไม่รักไม่ต้องมาแคร์..หากทุกคนพร้อมแล้วขอเสียงตบมือด้วยนะคร้าบ.." พี่ดิวพูดด้วยน้ำหนักเสียงอันแผ่วเบา และยืนตะลึงตกใจนิ่งงันอยู่กับที่และพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก


ตอนแสดงจริง
        ทั้งคู่ออกมายืนกลางเวทีด้วยความมั่นใจกับการซ้อมมาอย่างเต็มที่ โดยมีคุณครู ผู้ปกครอง และพี่ๆ มัธยมเกือบ 60 คน ที่ใต้ถุนบ้าน ม.1  พิธีกรเริ่มพูด..
ไข่มุก "สวัสดีค่ะทุกท่านที่น่ารัก...ต่อไปนี้เป็นการแสดงของพี่ ม.1 กับการแสดงชุดแรกกับพี่เหน่งและพี่ชาร์ป ด้วยผลงานเพลงคั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่...ขอเสียงปรบมือเป็นกำลังใจด้วยค๊าา.." พี่ไข่มุกพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข ส่วนพี่ดิวปรบมือตามเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน ด้วยสีหน้าและท่าทางยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่
      หลังจากการแสดงชุดที่ 1 จบลง พิธีกรทั้งคู่ได้เดินเข้ามายังกลางเวทีอีกครั้ง เพื่อนๆ ม.1 และคุณครูต่างเฝ้ารอให้และส่งกำลังใจให้พี่ดิว ที่จะพูดเชิญชนการแสดงชุดถัดไป พิธีกรทั้งคู่พูดต่อ..
ไข่มุก "การแสดงชุดแรกจบลงไปแล้วนะคะ..สนุกกันหรือเปล่าค่ะท่านผู้ชม.. ถ้าสนุกขอเสียงปรบมือดังๆ อีกครั้งด้วยค๊าา" พี่ไข่มุกเรียกเสียงปรบมือจากทุกคน ขณะที่พี่ดิวยังยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับว่าถูกเสียงปรบมือสะกดจิตให้ตัวแข็งดังเช่นก่อนหินก็ปานนั้น พิธีกรพูดต่อ.. "พวกเรามาชมการแสดงชุดที่ 2 กันต่อเลยดีกว่า พบกับพี่เบ้นและพี่อุ้มต่อเลยค่ะ ในบทเพลงไม่รักไม่ต้องมาแคร์..ขอเสียงปรบมือด้วยค๊าา" หลังจากสิ้นเสียงพี่ไข่มุกทุกคนต่างฉงนสนเท่ห์แทนพี่ดิวที่กลายเป็นพิธีกรไร้เสียง แล้วเดินออกมาด้วยท่าทางอันเบิกบาน เหมือนมีความสุขอย่างยิ่งกับการทำหน้าที่ในวันนี้เสร็จสิ้นลง

    *ทุกคนต่างส่งกำลังใจให้พี่ดิว และสอบถามขณะที่การแสดงชุด 2 กำลังดำเนินการอยู่่
"ทำไมดิวนายไม่พูดอย่างที่ซ้อมกันมาล่ะ" เพื่อนๆ หลายคนต่างตั้งคำถามกับพี่ดิว และต่างตั้งใจรอฟังคำอธิบาย
"คือว่า..เรากับไข่มุกเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย" พี่ดิวพยายามอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจเขาและแผนการที่ทั้งคู่ ชวนกันเปลี่ยนก่อนการแสดงไม่กี่อึดใจ.

เพือนช่วยงานทักษะชีวิต

วันที่ 18/11/2557 [ย้อนหลัง] วันนี้เพื่อนช่วยงานทักษะชีวิต คือ ราวตากฟ้า  ทำจากท่า PVC ประกอบเอา เพื่อนก็ช่วยประกอบ บ้างเลื้อยให้[ท่อ] 

โลกสุดขอบฟ้า


เป็นเรื่องที่บอกถึงการล่าปลาวาฬหลายพันธุ์ และผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการออกทะเลครับ

  สนุกมากและได้เรียนรู้กับเกาะต่างๆ ที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน

แนะนำให้ผู้สนใจได่อ่าน..
 โลกสุดขอบฟ้า


ไล่ตงจิ้นลูกขอทาน ตอน ไปโรงเรียน

         ลุงกับป้าแนะนำให้พ่อพาไล่ตงจิ้นไปเรียนหนังสือ
       ตอนนั้นไล่ตงจิ้น อายุ 10 ขวบ พอดี
       แต่ไล่ตงจิ้นได้ไปเรียนห้องที่มีเพื่อนอายุน้อยกว่าเขา 3 ปี 

       พอไปโรงเรียนวันแรกไล่ตงจิ้นก็ถูกเพื่อนล้อว่า "ลูกขอทาน" แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ และถึงวันสอบ ไล่ตงจิ้นก็สอบได้ที่ 1 ของห้อง
       เพราะความพยายามที่จะเรียนจึงทำให้สอบได้ที่ 1

และในวันหยุดของผม..
     ตอนที่อยู่บ้านวันเสาร์ก็ซักผ้า จากนั้นก็กินข้าวแล้วไปที่สวน ไปช่วยแม่ถากหญ้า จนเสร็จแล้วก็กลับมาบ้านมาอาบน้ำ แล้วกด็ออกไปเล่นกับเพื่อน
    จากนั้นก็กลับมาบ้านมากินข้าวแล้วขึ้นนอน
    พอมาวันอาทิตย์
     พ่อ น้องและยายก็ไปงานแต่งที่ร้อยเอ็ดเป็นงานแต่งของน้า
     แต่ผมไม่ไป เพราะผมจะอยู่เฝ้าบ้าน ตอนนั้น พ่อ น้องและยายผมกลับมาถึงบ้านตอนประมาณบ่าย 3โมงครับ...

วิจิตรตะวันฉายแสง- ชาติ

   ตอนผมเรียนอยู่ชั้น ป.1 - ผมชอบเตะฟุตบอลกับรุ่นพี่มากครับ เพราะเป็นอะไรที่ท้าทายและได้โชว์ทักษะ
พอโตขึ้นมาสักนิด ผมก็เบื่อฟุตบอล ก็เลยหันไปเล่นอย่างอื่น เช่น เลโก ซ้อนหา วิ่งไล่แตะ ฯลฯ

    พอผมอยู่ ป.5 มีเหตุการณ์หนึ่ง คือ ผมกำลังเล่นกับชาร์ป ตอนนั้นผมกำลังฮิตมวยปล้ำมาก พอเล่นไปสักพัก ผมจับพี่ชาร์ปแล้ว ผมก็โชว์ท่าที่ได้ดูมา ตูม!!!

ชาติ : "เจ็บบ่ เจ็บบ่"
ชาร์ป : "บ่!..มึนๆ.." 

ปรากฏว่าชาร์ปหัวโขกพื้น

    จากนั้นผมก็รอให้ชาร์ปหายมึนหัว แล้วก็เล่นกันต่อ(ท่าที่ผมใช้คือ Pedigree)

ร้อนแรงทรงพลัง ตอน รดน้ำรอบมัธยม

     ช่วงรดน้ำต้นไม้รอบบริเวณมัธยม ก้าวแรกที่ผมเข้ามาเรียนในระดับมัธยม ผมรู้สึกถึงธรรมชาติรอบบ้านมัธยม มีต้นไม้ที่ผมไม่เคยเห็นมีเยอะมากเลยครับ และผมก็ชอบธรรมชาติมาก อยู่ที่สวนของผม ผมก็ได้ปลูกต้นกฤษณา ผมได้ปลูกไว้แปดปีแล้วผมก็ยังไม่ได้ตัดขายมาทำน้ำหอมผมปลูกไว้ห้า หกไร่ที่สวนผมและผม   
ก็ได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับต้นไม้ที่ได้ขึ้นมามัธยมครูได้บอกให้ผมรดน้ำต้นไม้รอบมัธยมตอนเช้าบางครั้งก็รดรอบมัธยม
บางครั้งก็รดน้ำผักที่หน้ามัธยมครูได้ให้พวกผมทำให้แทนคุณลุงเพราะลุงตุ้ยได้เกิดอุบัติเหตุ
ก็เลยได้นอนโรงพยาบาลยังไม่ได้ออกมาจากโรงพยาบาลเลยพวกผม          
เลยได้รดแทนคุณลุงมาหนึ่งเดือนแล้วครับและก็ตัดแต่งกิ่งไม้แทนลุงเพราะคุณลุงมีน้อยก็เลยได้แบ่งให้มัธยม

ทำแทน                   

เธอ....คนนั่น ด.ช.ชาร์ป

     ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความทรงจำที่ดีต่อเพือน...
แต่ผมมันไม่ใช่แค่เพือน แต่ผมมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับเพื่อนทุกคนที่ผมได้เล่นด้วย

     เรื่องมีอยู่ว่าวันนั่น..เป็นวันที่ผมมาโรงเรียนเป็นวันแรก ผมเจอเพื่อนหลายๆ คนร้องไห้
ทำให้ผมอยากร้องไห้ไปด้วย แต่ผมเจอกับเธอคนนั่น เธอเป็นคนทำให้ผมเลิกคิดที่จะร้องไห้
 แต่ผมกับเปลี่ยนเป็นอยากจะเล่นกับเธอขึ้นมา

ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงเปลียนความคิดผมได้
ในตอนนั่นผมมั่นใจเลยว่า ผมแอบชอบเธอ...

ร้อนแรงทรงพลัง ตอนเกี่ยวข้าว

        วันที่เราเกี่ยวข้าวพวกเราทั้งมัธยมก็ได้ไปช่วยกันเกี่ยวพวกเราก็ทำช่วยกันเพราะถ้าไม่ช่วยกันไม่สามัคคีกันงานที่เรากำลังทำอยู่ก็จะไม่เสร็จถ้าเสร็จคนที่เกี่ยวเยอะกว่าเพื่อนก็จะเหนื่อยกว่าและคนที่ไม่ทำก็จะเอาเปรียบกัน

เต่ตอนที่เราเกี่ยวพวกเราก็ช่วยกันดีและมีความสามัคคีกันดีขึ้นและเกี่ยวได้ไวกว่าเดิม


       ความรู้สึก ตอนที่เกี่ยวข้าวผมก็รู้สึกดีใจที่ได้เกี่ยวข้าวกับพี่ๆม.2และม.3และตอนนั้นก็รู้สึกสนุกที่ได้เกี่ยวข้าวอีกครั้ง...

วิจิตรตะวันฉายแสง- เอิร์น

                                  ความหลัง...
    พอหนูเริ่มโตขึ้นมาหนูก็เริ่มคุยกับเพื่อนได้เยอะมากขึ้นค่ะ แต่พอมาวันหนึ่งหนูรู้สึกเสียใจมากที่เพื่อนผู้ชายมาตั้งฉายาให้หนูว่า อีปลาหมึก อีหยอง แล้วในตอนนั้น มันไม่ใช่แค่ล้อแค่ฉายาเฉยๆ แล้วเพื่อนก็ชอบใช้ความรุนแรงมากค่ะ โดยเฉพาะพี่ชาติ พี่นนท์ พี่เอิร์ท ที่ชอบกวนคนอื่น


หนูนั่งทำงานอยู่ดีๆ พี่เอิร์ทพี่นนท์พี่ชาติก็ชอบเดินมาแล้วก็ตบหัวหนูค่ะ แล้วหนูก้ร้องไห้
ตอนนั้นหนูตัวเล็กอยู่ก็เลยไม่กล้าทำอะไรเพื่อนคืนค่ะ แล้วครูแจ๋วก็เรียกหนูกับพี่อีกสามคนไปคุยด้วยค่ะ.....
       พอหนูเริ่มโตขึ้นมาอีกเพื่อนผู้ชายจึงไม่กล้าแกล้งหนูอีกค่ะ เพราะหนูตัวใหญ่กว่าค่ะ พอเพื่อนจะตบหัวหนูหนูก็เลยจะต่อยคืน เพื่อนก็เลยไม่กล้าทำค่ะ...
       ในตอน ป.4 เราก็มาโรงเรียนตามปกติ

       วันนั้นหน้าจะเป็นวันศุกร์เราได้เรียนวิชาโครงงานเกี่ยวกับไฟฟ้าค่ะ  ตอนนั้นคุณครูให้สรุปก่อนเรียนค่ะ พอถึงตอนเลิกเรียนเราก็ทำยังไม่เสร็จก็เลยเป็นงานค้าง ในห้องเหลืออยู่หลายคนมากค่ะ  แล้วพี่ชาติกับพี่ชาร์ปก็พูดขึ้นมาค่ะ "อย่างนี้ต้องลิ่งเกี่ย" แล้วพี่ชาติกับพี่ชาร์ปก็หยิบกระเป๋ากลับบ้านค่ะ
     ในตอนนั้นคุณครูไม่อยูในห้อง พวกเขาเลยออกไปได้ค่ะ พอคุณครูกลับมาครูก็เลยถามว่าพี่ชาติกับพี่ชาร์ปไปไหนครับ หนูก็เลยบอกว่า "พี่เขาลิ่งเกี่ยไปแล้วค่ะ" (ลิ่งเกี่ย=หนี) พอมาตอนเช้าครูก็เลยเรียกพี่ชาติกับพี่ชาร์ปมาคุยด้วยค่ะ  
     พอหลายวันต่อมาพี่เหน่งเขามีงานค้างค่ะ เขาก็เลยหนีออกทางหน้าต่างของห้องค่ะ แล้วคุณครูก็เรียกพบอีกเช่นเคยค่ะ

.......จบ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความหลังในอดีตจับปลา-โฟร์ท

      ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมก็เคยไปจับปลา สนุกมากครับ
ช่วยกันจับปลา ส่วนผมก็จับหอย กับพี่อยู่สระของยาย ได้จับปลาต่างๆ เเละได้รู้จักปลาใหม่ๆ มากขึ้นเเละพอจับเสร็จ ก็นําปลาไปย่างเป็นเวลาที่สนุกมาก เเละถ้าปลามันเหลือก็นำมาแบ่งกัน ให้เเต่ละคน
    เป็นเวลาแสนสั้นตอนที่ผมยังเด็กครับ ผมมีความสุขกับช่วงเวลาจับปลากับญาติมากเลย และผมอยากย้อนกลับห้วนคืนสู่วันวานอันแสนสุขเช่นวันนั้นอีกครั้งครับ

ทองคำถูกขโมย 6 บาท

      มีโจรมาขึ้นบ้านญาติของผม ผมตื่นมาก็ได้ยินยายผมคุยโทรศัพท์ไป ได้ยินว่า มีคนมาขโมยทอง
ไปทองหนัก 6 บาทประมาณ 130,000 บาทกว่าๆ (ประมาณบาทละ19,000) ซึ่งเป็นทองของป้าณี แกอยู่บ้านกวางงอย
     ตอนนั้นป้าณีไปเกี่ยวข้าวอยู่
     พอเกี่ยวเสร็จก็ไปกินเนื้อย่าง
     พอกลับมาจากกินเนื้อย่างก็กลับมาถึงบ้าน 
ทุกคนต่างตกใจอย่างมากกับภาพที่เห็น อะไรกันนี่!! มองไปเห็นประตูหลังบ้านถูกงัดออกไปและยังถูกเอาผ้าไหมไปหลายผืน แต่ขโมยฉลาดก็เลยทิ่งผ้าไหมไป เพราะกว่าว่าจะถูกเขาดูผิดสังเกต ก็เลยทิ่งผ้าไหมลงไปในสระน้ำ ป้าณีก็เลยไปเจอผ้าไหมอยู่สระน้ำ

ป้าณีถูกขโมยไปตอน
วันที่ 18 เดือน 11 พ.ศ.2557 เมื่อวานนี้เองครับ


วิจิตตะวันฉายแสง- ชาร์ป

     ตอน ป.1ผมได้เล่นกับพี่นนท์และตอนนั้นผมกำลังหัดเล่นฟุตบอล
และพอผมอยู่ ป.2 ก็ได้ไปเที่ยว
เขาพนมรุ้งกับเพื่อนๆ


และพอ ป.3ผมก็ได้เตะบอลกับเพื่อนและมีเหตุการณ์ตอนที่ผมเตะบอลเข้าโกฟุตบอลพี่มอลก็มาตีผม โดยที่ผมไม่รู้สาเหตุและพอ ป.4
ผมก็ได้ไปเที่ยวที่โคราช
และ ป.5 ผมก็โดนพี่มอลตีผมอีก แต่ ป.3ถึง ป.5
และพอ ป.6 ผมสนุกมากเลย และก็มีเพื่อนออกไปต่อที่อื่น
และพวกเราก็ได้ไปเที่ยวที่จันทบุรีก่อนจบ
และก็ถึงวันจบก็ภูมิใจ

วิจิตรตะวันฉายแสง- ดิว

             แต่ก่อนผมชอบเล่นLEGOมากครับ และชอบเล่นบอลมากขึ้น แต่ผมก็ยังมีนิสัยตอนเด็กอยู่ ยังร้องไห้ตอนอยู่ชั้น ป.1 พอขึ้นมาชั้น ป.2 ผมก็เลิกร้องไห้และก็เริ่มมีเพื่อนใหม่เข้ามาและก็ต้องเสียเพื่อนเก่าไป
ผมได้เริ่มเล่นกับเพื่อนตอนชั้น อ.2 พอขึ้นมาตอนชั้น ป.3 ผมก็เริ่มเล่นบอลและผมก็ชอบไปทัศนศึกษากับเพื่อนตอนชั้น ป.1 ถึง ป.2 มากๆ ครับ

ตอนที่พวกผมได้ถ่ายรูปด้วยกันตอนม.1 ครับ                                
ตอนป.1ถึงป.2 ได้ไปปราสาทเมืองต่ำกับเพื่อนๆ ครับ  
                                                                       


วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิจิตตะวันฉายเเสง - วานๆ ของความสนุกสนาน[ออดี้]


     เป็นวัยที่เป็นผมยังเซอะๆ เซอๆ กับทุกอย่าง เลียนเเบบบ้างอย่างก็เด็กนะครับ
ยังไม่รู้อีโน่อีเน่มากเท่าไร...

ตอนอยู่ชั้น ป.1-ป.3 ช่วงนี้เป็นพวก(เซอ)ซ่ามาก ไม่ใช่ทางที่ผิด เเต่หมายถึงจะเล่นกับเพื่อนบ่อยที่สุด

ส่วนตอนผมเรียนอยู่ชั้น ป.3-ป.5 เป็นช่วงผมชอบมาก มีครั้งเเรกมากมาย เช่น
เตะเพื่อน[ป้องกันตัว]
ครั้งเเรก - เชิญธงครั้งเเรก
รำหรือร้องเพลงครั้งเเรก
เที่ยวนอกประเทศครั้งเเรก

9ล9 .

      ส่วนที่เข้ามาเรียนอยู่ที่นี่ตอนชั้น ป.6 ผมน้ำตาไหลเลย เพราะเสียงเพลงspa ที่ครูเปิดตอนทำบอดี้แสกน ช่วงบ่ายๆขอววันหนึ่ง
ผมตื่นเต้นมากกับอะไรใหม่ๆที่เข้า ในตอน ป.6
ได้เดินป่ากับครูและเพื่อนๆ  มีพิธีกรรมการบวชป่าอีกด้วย  เป็นการเอาผ้าจีวรพระมาผูกกับต้นไม้
พิธีกรรมการบวชต้นไม้ ป่าโคกหีบ
 ครูบอกพวกเราว่า เพื่อให้คนตระหนักรักษ์ป่า ดูแลต้นไม้ไว้มีอยู่มากๆ ครับ
ผมไม่รู้จัก 'มะนาว'  เพื่อนๆ หลายๆคนก็ประหลาดใจ
เพื่อนๆหลายคนชอบเข้ามาแกล้งผม ชาติ นนท์ เอิร์ท และเหน่ง  บางครั้งผมก็โกรษที่พวกเขาชอบเข้ามาล้อผมเยอะเกินไป
    ครูและพ่แม่ บอกผมเสมอให้เล่นเกมส์น้อยๆ ลง  ผมได้แต่ค่อยๆพยายามลดเวลาๆลงเรื่อยๆๆ
ก่อนจบได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทะเลแห่งใดแห่งหนึ่ง สักที่ ในประเทศไทยนี้แหล่ะครับ

ก่อนจบเพื่อนๆ หลายๆคนย้ายไปเรียนที่อื่นๆ ที่ผมจำได้  เอิร์ท, โฟกัส, นนท์, ป๊อบ ...
และใครๆ อีกหลายๆๆคน ที่พวกเขาเคยเป็นเพื่อนๆของผมเมื่อ 1 ปีก่อน..

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน..

            สิ่งที่เคยเจอในตอนนั้นมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน....


      ตอนนั้นเป็นวันที่หนูกับพ่อและน้าได้ดูบอล ได้มีคนชวนพ่อดื่มเบียร์เป็นจำนวนมาก น้าของหนูก็เช่นกัน
พวกเราดูบอลอย่างสนุกสนานหลังจากการแข่งขันฟุตบอลจบ พ่อก็ขับรถออกจากสนาม i-mobile ยังไม่ถึงไหนเลย ได้เกิดเหตุๆ หนึ่งที่หนูยังจำได้ถึงทุกวันนี้ คือ....

ปัง!! เกิดอุบัติเหตุรถชนนั้นเอง แล้วรถที่ชนนั้นไม่ใช่รถใครที่ไหน แต่เป็นรถของหนูเองรถโดยที่มีหนูมีพ่อและมีน้า
หนูปากแตกลิ้นแตก เพราะปากกระแทกกับหน้ารถ 
น้าของหนูก็หัวโน เพราะหัวกระแทก 
ส่วนพ่อของหนู... พ่อของหนูจมูกแตกเลือดไหลตลอดเวลา      
     ตอนนั้นเวลานั้นหนูไม่นึกถึงอะไรทั้งสิ้นหนูได้แต่ถามพ่อ
พ่อเป็นไรไหม? พ่อไหวไหม?
หนูถามพ่อ..พ่อตอบว่าไม่เป็นไร พ่อเลยโทรให้พ่อของพี่ชาย[ลูกพี่ลูกน้องกัน] มารับหนูกับน้ากลับบ้านไปก่อนเพราะพ่อต้องเคลียร์กับรถที่ถูกชน...

     หนูเป็นห่วงพ่อมาก ห่วงมาก มากๆ
     ขณะที่หนูขึ้นรถน้าของหนู..หนูก็ได้แต่ถามน้าว่า
พ่อจะเป็นไรไหม? 
พ่อจะกลับบ้านไหม?
ใครจะมาส่งพ่อ?
      หนูถามแบบนี้จนถึงบ้าน พ่อถึงบ้านหนูก็ได้วิ่งไปกอดแม่กับพี่สาว
      แม่บอกให้ไปนั่งรอพ่อในบ้าน แต่หนูไม่เข้าบ้านหนูรอพ่ออยู่ข้างนอก รอจนพ่อกลับมา หนูดีใจที่พ่อกลับมา พ่อเลือดก็ยังไม่หยุดไหลอยู่ที่จมูก พ่อไม่ยอมไปเย็บแผลจนถึงวันนี้...

     หนูยังจำเรื่องราวพวกนี้ได้เพราะมันเป็นตอนที่หนู....

 มันช่างโหดร้ายเหลือเกินกับพ่อของหนู..