วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

แต่งนิทานจากคำศัพท์ 5 คำ


เรื่อง เมือง.....หุ่นยนต์
      ณ เมืองแห่งหนึ่งเมืองแห่งนี้เป็นเมืองของหุ่นยนต์ มีหุ่นยนต์อยู่ตัวหนึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นโรคซึมเศร้า หุ่นยนต์ตัวนี้
ชื่อว่า “อะตอม” อะตอมทำงานเป็นลูกเรือประมงหรือเรียกว่า “กะลาสี” ทุกๆวันอะตอมจะออกไปหาปลาความสามารถพิเศษคือ อะตอมเป็นทั้งกะลาสีและช่างสารพัดที่ช่วยซ่อมแซมเรือที่ชำรุด เงินเดือนหรอ ?? อะตอมเงินเดือน เดือนละ

5000 หุ่นดอนล่า หรือเท่ากับ 2,000  บาทไทย ซึ่งอะตอมก็จะนำเงินไปซื้ออะไหล่มาใส่ตัวเอง เพราะตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า
อะตอมเปลี่ยนอะไหล่ทุกเดือนแต่ไม่มีอันไหนถูกใจสักทุกอย่าง กิจวัตรของอะตอมคือทุกเช้าอะตอมจะออกไปหาปลากว่าจะกลับก็ตกเย็น ทุกอาทิตย์อะตอมจะจับม้าน้ำใส่โหลแก้ว เพราะอะตอมไม่มีเพื่อน วันหนึ่งได้มีการแข่งขันเกิดขึ้นในเมือง
ถ้ามีคนใจกล้าไปหาขุมทรัพย์ที่เกาะแห่งความตาย” อะตอมสนใจการแข่งขันและจะทำฝันให้เป็นจริงคือ อะตอมอยากเป็นกัปตันเรือ 1ปีผ่านไปอะตอมยังแสวงหาขุมทรัพย์ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอ อะตอมท้อและคิดที่จะเปลี่ยนใจจึงเข้าไปนอนอะตอมฝัน เห็นโบสถ์สูงที่กำลังจะถล่มแต่มีแสงอะไรบางอย่างดันโบสถ์ขึ้นเหมือนเดิม พอตื่นอะตอมก็เดินไปเกาะแห่งนั้นทำท่าดันโบสถ์เหมือนกับในฝันกระพริบตาเดียวก็มีหลุมขนานใหญ่เกิดขึ้น อะตอมจึงลงไปดู มีกล่องๆหนึ่งอะตอมจึงตรงดิ่งไปยังกล่องนั้น พอเปิดกล่องดูกลับมีสมุดเล่มหนึ่งสภาพเก่ามาก อะตอมคิดว่าไม่ใช่สมบัติหรอก  เป็นแค่สมุดเก่าเล่มหนึ่ง อะตอมผิดหวังมาก พอหันหลังกลับหนังสือก็เปิดขึ้นแล้วอะตอมหันกลับไปอ่าน “เจ้าจงภูมิใจในอะไหล่ของเจ้าความสุขนั้นแหล่ะจะทำให้เจ้าหายจากโรคประหลาดนี้ จากนั้นอะตอมก็วิ่งออกมาจากหลุมแล้วกลับมาหาหัวหน้ากัปตันเรือ อะตอม “หัวหน้าครับผม ผมอยากเป็นกัปตันเรือครับ” กัปตัน “ฉันแก่แล้วละ ฉันต้องการกัปตันเรืออยู่พอดีเลย นี่พวกเราทุกคน นับแต่นี้ไปอะตอมจะเป็นกัปตันคนใหม่ของเรา  กัปตันคนใหม่ กัปตันอะตอม กัปตันอะตอม เฮ้ เฮ้ !!!!!!!!

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

เรื่อง ความแตกต่าง

  หมู่บ้านแห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีแต่ความสันติสุข  หมู่บ้านนี้ชื่อว่าหมู่บ้านสุขสันต์” ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้เขาช่วยกันทำงาน  ไม่เอาเปรียบกัน  แบ่งปัน  และมีน้ำใจต่อกัน  มีอะไรก็แบ่งกันกิน  พวกเขาเหล่านี้ทำแบบนี้จนเป็นกิจวัตรประจำวัน  ซึ่งตรงกันข้ามกันอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งมีแต่ความวุ่นวาย  เกี่ยงงานกัน  เอาเปรียบกัน  ไม่ค่อยช่วยกันทำมาหากิน  หมู่บ้านนี้มีชื่อว่าหมู่บ้านอุดม”  วันหนึ่งมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินออกไปที่ป่าหลังหมู่บ้านซึ่งไม่รู้ว่าชาวบ้านกลุ่มนี้มาจากหมู่บ้านไหน  เพราะทั้งสองหมู่บ้านนี้อยู่ติดกัน  และหลังหมู่บ้านเป็นป่าผืนเดียวกันเลยแยกไม่ออกว่าชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นชาวบ้านของหมู่บ้านไหน  สักพักชาวบ้านกลุ่มนี้มองเห็นแสงสีเหลืองทองขึ้นอยู่ข้างหน้  พวกเขาเลยเดินเข้าไปดูปรากฏว่าเป็นทรัพย์สมบัติมากมายที่วางอยู่ในถุงใบหนึ่ง  มีเครื่องเพชรพลอยสารพัดอย่างที่อยู่ในนั้น  พวกเขาเลยคุยกันว่า  สมบัตินี้คือขุมทรัพย์ที่ศักดิ์สิทธิ์มากตั้งแต่สมัยก่อน  แล้วของใครกันเล่า  ชายคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย  เป็นของคนผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยก่อนที่เขาเอามารวมกันไว้  ยายแก่คนหนึ่งพูดขึ้น  ทุกคนคุยกันว่าจะเอายังไงกับสมบัติพวกนี้  สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า  เราจะต้องเอาสมบัติทั้งหมดนี้ไปให้ไว้ที่วัดโดยให้ทางวัดเป็นคนดูแล  เช้าวันต่อมาชาวบ้านกลุ่มนี้ได้เอาสมบัติทุกอย่างที่ได้มาเอาไปที่วัด  ชาวบ้านกลุ่มนี้คือหมู่บ้านสุขสันต์  เมื่อไปถึงวัด  พวกเขาได้ไปนั่งรอหลวงพ่ออยู่ในโบสถ์พร้อมกับสมบัติที่ได้มา  เมื่อหลวงพ่อมาทุกคนยกมือขึ้นไหว้หลวงพ่อพร้อมกันอย่างนอบน้อมและได้พูดกับหลวงพ่อว่า  จะให้หลวงพ่อเป็นคนดูแลสมบัติพวกนี้ไว้  เพราะสมบัติพวกนี้เป็นสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่รุ่นปู่ย่าตายาย  สุดท้ายหลวงพ่อรับปากว่าจะดูแลสมบัติพวกนี้ไว้ให้  ชาวบ้านทุกคนโล่งอก และเดินทางกลับบ้านอย่างสุขใจ

เรื่อง สุขนี้...นิรันดร์

แต่งเรื่องจากคำศัพท์
        สองสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศอียิปต์เขาทั้งสองทำอาชีพนักโบราณคดีชอบสะสมของเก่า  อีกทั้งที่บ้านของเขาเต็มไปด้วยของเก่าที่มีราคามากมาย ทุกวันเขาจะไปที่พีระมิดเพื่อไปค้นหาขุมทรัพย์และของมีค่าต่างๆ แต่สิ่งที่เขาทั้งสองหามาได้นั้น พวกเขาไม่ได้นำไปเก็บไว้ที่บ้านเขา แต่กลับนำไปมอบให้กับพิพิธภัณฑ์โบราณสถาน  พวกเขาทั้งสองเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ  อีกทั้งยังเป็นคนนับถือในเรื่องของวิญญาณที่ดูแลสมบัติ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่กล้าลบหลู่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณที่ทำให้เขาทั้งสองเชื่ออย่างนั้น   ทุกวันสองสามีภรรยาจะแวะเข้าไปดูที่โบราณสถานเพื่อไปดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง  เพราะเคยมีเหตุการณ์หนึ่งคือของมีค่าที่วางโชว์ถูกขโมยไป  พวกเขาจึงขอให้ตำรวจมาเฝ้าเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัย
     กาลเวลาผ่านไป  อายุของพวกเขาก็เริ่มมากขึ้น การที่จะทำอะไรๆก็ไม่สะดวกและดูยากไปหมดเพราะอยู่ในช่วงความชรา แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่เลิกที่จะประกอบอาชีพนักโบราณสถาน  พวกเขาทั้งสองตั้งใจว่าจะประกอบอาชีพนี้ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ มันเป็นความสุขที่พวกเขาได้ทำ
พวกเขาทั้งสองชอบสิ่งของเก่าๆชอบสืบค้น ชอบการผจญภัย แต่ตอนนี้กับเมื่อก่อนนั้นมันต่างกันเหลือเกิน เมื่อก่อนทำอะไรได้อย่างสะดวกสบาย แต่ตอนนี้กับไม่ใช่เลย(เขาพูด)  เขาเหลือเวลาอีกไม่นานที่จะทำอาชีพนี้ เขาใช้เวลาที่มีอยู่ทำในสิ่งที่เขาทำ เวลามันยังเดินอยู่เรื่อยๆไม่เคยรอใครเลย รวมทั้งเวลาของสองสามีภรรยาคู่นี้ก็เช่นกัน

เรื่องน้ำใจของสองพี่น้อง
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ในดินแดนที่ลึกลับ ที่มีความ ศักดิ์สิทธิ์ และไม่มีใครรู้เลยและชาวบ้านต่างมีความสุขที่ได้อยู่บ้านแห่งนี้  และที่หมู่บ้านแห่งนี้ชาวบ้านทุกคนต่างมีอาชีพที่ต้องทำ บางครอบครัว  ทำการเกษตร  เช่น การปลูกข้าว ปลูกมัน ปลูกผัก และพอถึงฤดูเก็บเกี่ยวทุกคนก็ต่างพากันเก็บเกี่ยว และนำเอาไปค้าขาย บางคนก็นำมันไปแลกข้าว บางคนนำข้าวไปแลกผัก แต่ยังมีอยู่ครอบครัวหนึ่ง ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีฐานะเท่าไรนัก เขาก็ทำการเกษตรเช่นกัน ครอบครัวเขามีสมาชิกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน คือพ่อ แม่ ลูก ลูกคนโตอายุ 16 ลูกคนเล็ก อายุ13 ปี  ซึ่งเขาทั้งสองเรียนอยู่ที่ โรงเรียนวัด และวันนั้นเอง เป็นวันหยุดของพวกเขา  พ่อกับแม่จึง บอกพวกเขาว่า วันพรุ่งนี้จะให้ พวกเขานำเอา ผักผลไม้ต่างๆไปขายที่หมู่ บ้านต่างๆ พอเช้าวันรุ่งขึ้น เขาทั้งสองออกเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขายของ แต่พอไปถึงพวกเขาก็พบเจอกับ พวกวัยรุ่นที่เกเรสารพัดเข้ามาหาเรื่องกับสองพี่น้องนี้  ทั้งสองคนพยายามต่อสู้ และในที่สุดพวกเขาก็ชนะ  หลังจากนั้นพวกเขาเดินทาง ไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง เขาไปเจอกับ ขยะมากมายอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เขาจึงเข้าไปถาม ว่า ทำไมที่นี่ถึงมีแต่งขยะมากมายขนาดนี้ ”  และพวกเขาจึงเดินเข้าไปและร้องบอกให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด เพราะถ้าเราทิ้งขยะมากมายขนาดนี้ ก็จะทำให้โลกร้อน  ผู้คนในหมู่บ้านนั้นต่างก็รับฟังและทุกคนจึงพากันช่วยกันเก็บขยะ  ระหว่างที่สองพี่น้องเดินช่วยเก็บขยะอยู่นั้น พวกเขาก็ไปเจอกับหลุมหนึ่ง ซึ่งเป็นหลุมที่เก็บขุมทรัพย์ มากมาย  แต่ด้วยความที่เขามีความสื่อสัตย์เขาจึง ไม่ได้นำสมบัติที่อยู่ในหลุมขุมทรัพย์นั้นไป  และพอพวกเขาเก็บขยะที่หมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงบอกลา กับพวกชาวบ้าน และเตรียมตัวที่จะกลับหมู่บ้าน เมื่อพวกเขาถึงบ้าน พวกเขาก็เอาเงินที่ พวกเขาขายของได้เอาไปให้ พ่อและแม่  หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปที่วัดและได้เดินเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อ ที่ โบสถ์  พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและนำความภูมิใจให้กลับตนเอง

เรื่อง ขอบคุณ

  แต่งเรื่องจากคำศัพท์
เรื่อง……ขอบคุณ
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง  เธออาศัยอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง เธอเป็นเด็กที่ถูกทิ้งมาตั้งแต่เด็ก แต่มีแม่ชีใจดีเก็บเธอมาเลี้ยงดู เวลาที่ใครมาโบสถ์แห่งนี้ก็จะมีแต่คนถามว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ทำไมได้มาอยู่ที่นี่ แม่ชีก็ได้บอกกับพวกเขาไปว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า แต่เธอเป็นเด็กดี มีหฤทัยที่ดี เธอชอบแสวงหาสิ่งใหม่ๆ และก็มีคนถามอีกว่าแม่ชีเก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยงเพราะอะไร แม่ชีตอบ เพราะสงสาร แต่แม่ชีรู้ว่าสัญชาตญาณของเด็กคนนั้นเป็นอย่างไร...
    วันต่อมาเธอก็ได้เรียนเรื่องศาสนากับแม่ชี พอเรียนเสร็จเธอก็ได้ออกไปข้างนอกไปที่ไหนสักที่...
พอใกล้เวลาพลบค่ำเธอก็ยังไม่กลับมา แม่ชีก็คิดในใจว่า เธอไม่เคยหายไปนานขนาดนี้เลย...แม่ชีเป็นห่วงเธอมากก็ได้แต่ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองเธอ... 
เมื่อเธอกลับมา... แม่ชีดีใจมากเลย   แล้วจึงรีบเดินตรงไปที่เธอ แล้วถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแข็งกร้าวว่า "เธอไปไหนมา" เธอตอบว่า " หนูก็แค่ออกไปเลือกซื้อรองเท้าให้กับแม่ชีเฉยๆ ค่ะ  หนูเห็นว่า..รองเท้าของแม่นั้นขาดแล้ว.." แม่ชีถามต่อว่า "เธอออกไปซื้อรองเท้าให้ฉันเพราะเธอปรารถนาในสิ่งใด" เธอตอบ "หนูไม่ได้ปรารถนาในสิ่งใด หนูแค่ต้องการตอบแทนแม่ชี ที่เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เด็ก หนูขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง นะคะ ถึงหนูไม่รู้ว่าพ่อแม่หนูคือใคร แต่แม่ชี ก็คือแม่ของหนู และโบสถ์แห่งนี้ก็คือบ้านของหนู หนูรักแม่ชีและที่นี่นะคะ"
แม่ชีได้ยินดังนั้น  แม่ชีก็โผเข้าโอบกอดเธอด้วยน้ำตา.....

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

อาสาสร้างสุข "โรงเรียนบ้านยาง"
การไปอาสาสร้างสุข อยู่ที่  โรงเรียนบ้านยางหนูคิดว่าเป็นโอกาสอันดี ก่อนอื่นหนูต้องขอขอบคุณคุณครูที่ทำให้พวกเรา รู้จักการเเสดงออก  ความอดทน  การเอาใจใส่ เเละ  การมีความน้อบน้อม เเละทำให้พวกเรารู้จักการสอนที่ดี เเละรู้สึกถึง ความเป็นครูว่าท่านต้องมีความอดทนมาก เเค่ใหน เเละทุกๆวันที่ท่านต้องมาสอนเรา ท่านมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เเละต้องเหนื่ยมากเเค่ใหน  เเละการไปอยู่ที่นั่นทำ ไห้หนูรู้อะไร หลายๆอย่างเพิ่ม มากขึ้น 

"วันที่หนูประทับใจ"

วันนั้นเองเป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้ไป สอนเด็กๆ มีเด็กๆ หลานยคนที่ ถามหนูว่า พี่จะมาสอนอีกหรือปล่าว หนูเองก็ บอกเขาไปว่า จะมาสอนเขาอีก และวันนั้น เป็นตอนที่พวก หนูกำลังจะกลับบ้าน มีเด็กคนหนึ่ง วิ่งมา เขาเอากำไร " สีส้ม" มาไห้หนู สองอัน เขาชื้อมา ถักไห่หนู ประโยคสุดท้าย เขาบอกหนูว่า เขาอยากไห่หนูมาสอนอีก  ความประทับใจของหนู

อาสาสร้างสุข

     ในช่วงปิดเทอมหนูได้ไปทำกิจกรรมอาสาสร้างสุขกันเพื่อนๆที่โรงเรียนบ้านยางค่ะ มีพี่อ้อแอ้ พี่อุ้ม พี่เบนซ์ พี่เอิร์น และพี่ชาร์ปค่ะ   วันแรกที่ไปน้องๆกับพี่อุ้ม พี่เอิร์น พี่ชาร์ป ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันดีเพราะยังไม่เคยมาสอนน้อง แต่หนู พี่อ้อแอ้ พี่เบนซ์ น้องๆยังพอคุ้นเคยกันเพราะพวกหนูเคยไปสอนน้องๆมาครั้งหนึ่งแล้ว  เช้าวันแรกคุณครูที่โรงเรียนบ้านยางได้แนะนำพวกหนูให้กับน้องๆได้รู้จัก  วันแรกก้ยังมีเขิลๆอายกันอยู่ และสิ่งที่พวกหนูกังวลกันมกที่สุดคือ กลัวน้องไม่ฟังและกลัวน้องไม่ชอบกับกิจกรรมที่พวกหนูจัดขึ้นให้  แต่มันตรงกันข้สมกับสิ่งที่พวกหนูคิดไว้มากเลยค่ะ  สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือน้องๆให้ความมือกับงานที่พวกหนูจัดให้  และถึงว่าน้องเล่น ดื้อ ไม่ฟังบ้างบางเวลา แต่ก็อย่างน้อยน้องก็ร่วมทำกิจกรรมที่พวกหนูทำให้ขึ้น  วันแรกที่ไปคือครูเขาจะจัดตารางการเข้าสอนห้องไหนบ้าง วันแรกกับวันที่สองหนูได้สอนอนุบาล1กับพี่อ้อแอ้สองคน  พอวันที่สามกับวันที่สี่ หนูกับพี่อ้อแอ้ก็ได้ไปสอนแยกห้องในชั้นอนุบาล2 โดยอนุบาลแต่ละอนุบาลจะ2ห้องคือทับ1กับทับ2  วันที่สามหนูอยู่ทับ1 ส่วนวันที่สี่หนุก็ได้ย้ายไปอยู่ทับ2  วันสุดท้ายหนูก็ได้ไปเที่ยวสวนสัตว์กับพวกน้องๆเหมือนกับว่าไปดูแลน้องๆช่วยคุณครูค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

Mr Mr ครั้งแรก

        22/01/58
   วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดีเป็นวันที่หนูตื่นเต้นที่สุด. เพราะวันพฤหัสบดีเป็นวันที่มัทธยมแสดงความสามารถของตนเองให้พี่ๆน้องๆได้ดู. วันนั้นหนู ไข่มุก เดียร์. ไก่ ได้เต้นเพลง  Mr Mr  จากที่ซ้อมมานานมากแต่พึ่งมาซ้อมจริงๆจังๆ ตอน ก่อนวันที่จะแสดง  ตอนซ้อมพวกหนูมั่นใจมาก  แต่พอวัรจริงมันกลับกันเลยค่ะ  ตอนแรกๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไร  แต่พอวันจริงมันกลับกันเลยค่ะ  ยิ่งใกล้เวลาจะแสดงเท่าไหร่ใจหนูก็สั่น  เหงื่อก็เริ่มออก  ความมั่นใจของหนูลดลงมามาเลยค่ะ  เวลานั้นมาถึงแล้ว พวกหนูได้แสดงเป็นโชว์แรก  พอเพลงดังขึ้น พวกหนูก็ออกไปเต้น  ไปกับความที่ไม่มั่นใจ แต่พอเสียงกรี๊ดดังขึ้นมา  ความมั่นใจก็มากขึ้น  แต่หนูยังตื่นเต้นอยู่ ด้วยความที่หนูตื่นเต้น  หนูก็เค้นผิดท่าบ้าง  ลืมทิศทางบ้าง  หนูรู้สึกว่าตอนนั้นหนูยังเต้นไม่เต็มที่  หนูอยากกลับไปแก้ตัวใหม่  แต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะมันผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนเวลากลับๆปได้อีก
เพิ่มคำอธิบายภาพ

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

กวาดใบไม้เพื่อรู้จักตนเอง- ครูท๊อป

กิจกรรม :   กวาดใบไม้เพื่อรู้จักตนเอง

เป้าหมาย - เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักร่างกายและจิตใจมากขึ้นว่าทำงานกันอย่างไร
​- เพื่อให้เด็กมีสมาธิพร้อมที่จะเรียน
​-  มีสร้างความคิดสร้างสรรค์
​- อธิบายผลงานของตนเองได้
​- เพื่อส่งเสริมการจินตนาการของเด็ก

กระบวนการดำเนินกิจกรรม
1. หลังจากที่เคารพธงชาติ ครูพานักเรียนเดินกำกับสติ และพาเก็บใบไม้บริเวณทางเดินไปอาคารมัธยมเมื่อถึงห้องพานั่งเป็นวงกลม
2. ทำสมาธิ 3 นาที โดยให้ทุกคนค่อยๆหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆและหายใจออกยาวๆ 5 ครั้ง สังเกตลมหายใจที่ปลายจมูก ข้างที่ชัดเจนมากที่สุด กลับมารู้ลมหานใจของตนเอง รู้ในการพูดและการฟัง
3. ครูแจกกระดาษ A4 ให้ทุกคน โดยวิธีการส่งต่อกันซึ่งก่อนที่จะรับทุกคนจะไหว้ขอบคุณเพื่อนอย่างนอบน้อมจนครบทุกคน
4. ครูอ่านบทความ “กวาดใบไม้เพื่อรู้จักตนเอง”
"อากาศในสวนธรรมเช้านี้ช่างฉ่ำเย็น ด้วยหยาดฝนเม็ดสุดท้ายเพิ่งหยุดไป
วันนี้เป็นวันขี้เกียจของฉัน จึงได้โอกาสมาเดินเล่น
เมื่อก้าวย่างผ่านสะพานแห่งสติเข้าสู่ธรรมศาลา  ก็ได้ยินเสียงกวาดใบไม้ทั่วบริเวณ  
ฉันจับไม้กวาดแล้วเริ่มกวาด … ร่ายกายเคลื่อนไหว จิตเป็นคนดู
กวาด…กวาด…กวาด
จิตหนีไปคิดก็รู้ ความคิดดับไป จิตเบิกบาน
จิตบางครั้งก็เป็นคนดู บางครั้งก็กลายเป็นคนคิด
บางครั้งความคิดก็ยาวกว่าจะรู้ทัน
เมื่อความคิดทำงาน
ใบไม้บางใบ … กวาดครั้งเดียวก็ไปรวมกัน
ใบไม้บางใบ … เกาะกับพื้นไม้ที่เปียกชุ่ม …กวาดครั้งที่สองก็ไปรวมกัน
ใบไม้บางใบ … ติดแน่น ถึงแม้กวาดด้วยไม้กวาดทางมะพร้าว ก็ไม่ยอมออก
​กิเลสก็เช่นเดียวกัน บางตัวออกง่าย บางตัวออกยาก บางตัวต้องกระทุ้ง บางตัวแค่สะกิด เราจึงต้องมีเครื่องมือหลายชนิดให้เหมาะกับกิเลสแต่ละแบบ และหากเรายังไม่ยอมหยุดเดินและยังคงเป็นผู้ดู กิเลสทั้งหมดต้องหลุดออกไปแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับใบไม้บนลานนี้
จิตที่เป็นคนดู… บางครั้งก็เห็นความรู้สึกทางกายบ้าง ทางใจบ้าง
บางครั้งรู้สึกท้อแท้ เมื่อเผลอมองลานไม้อันกว้างใหญ่ที่มีใบไม้น้อยใหญ่ปกคลุม
เมื่อจิตมีความอยากให้เสร็จเร็ว พอตาเห็นลานกว้างเต็มไปด้วยใบไม้ จิตคิดว่าลานกว้างเหลือเกิน จะเสร็จไหม? จึงเกิดความรู้สึกท้อแท้ เมื่อจิตมีความอยาก แล้วไม่ได้อย่างที่อยาก ...จิตก็ทุกข์  
บางครั้งรู้สึกหงุดหงิดใจ เมื่อแขนชักจะเริ่มเมื่อย
เมื่อทุกขเวทนาทางกายแทรกตัวเข้ามาในแขนตอนกำลังกวาด เกิดความรู้สึกหงุดหงิด…เป็นทุกข์ทางใจ  
บางครั้งรู้สึกปลื้ม ที่ได้เห็นลานกว้างโล่งปราศจากใบไม้
เมื่อตาเห็นลานโล่ง ความคิดปรุงว่าได้ทำเสร็จแล้วและเป็นประโยชน์ เกิดความรู้สึกแช่มชื่นในจิต…เป็นกุศล
​กุศล อกุศล เวียนกันเกิด ผลัดกันดับ
ร่างกายถูกรู้ กับจิตใจที่เป็นคนดู เขาอยู่คนละส่วนกัน
เพียงแค่กวาดใบไม้หนึ่งชั่วโมง
ฉันได้รู้จักร่างกายและจิตใจมากขึ้นว่าเขาทำงานกันอย่างไร
เมื่อร่างกายเคลื่อนไหว จิตเป็นคนดู
.. นี่คงเป็นความหมายของคำว่า “กายเคลื่อนไหว ใจตั้งมั่น” ที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆในเสถียรธรรมสถาน"
5. ครูกระตุ้นด้วยถาม จากที่นักเรียนได้ฟังบทความข้างต้นนี้นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไรและการที่เราเก็บใบไม้และฟังบทความที่ครูอ่านมีความแตกต่างกันอย่างไรโดยการเขียนหรือวาดภาพสื่อความรู้สึกลงในกระดาษที่แจก
6. ให้นักเรียนอ่านสิ่งที่ตนเองเขียนให้เพื่อนในห้องฟังจนครับทุกคน
7. ครูกระตุ้นด้วยคำถามว่า จากกิจกรรมนี้นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากกิจกรรมนี้บ้างโดยให้นักเรียนบอกทีละคนจนครับทุกคน
8. ให้นักเรียนมาอยู่กับตัวเองมาอยู่กับลมหายใจของตัวพร้อมที่จะเรียนในวิชาต่อไป

สะท้อนกิจกรรม
_ครูท๊อบเตรียมตัวก่อนทำกิจกรรมได้ดี มีการวางแผน เข้ามาพูดคุยกันล่วงหน้า
_กิจกรรมเหมาะกับเด็กมัธยม
_เวลาเหมาะสม และสร้างบรรยากาศด้วยการEmpower ตลอดเวลาที่มีการปฏิสัมพันธ์
 

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

ความฝันในตอนกลางวัน

ฝันงั้นหลอใช้ฝันก็แค่ฝันไปฝันที่ได้มีความเป็นไปได้เอาเสียจริง เฮ้ยยยย!!! ทุกคนก็คงเป็นสินะความจริงมันอยู่ในความฝัน ฝันดีฝันไม่ดียังไงละ (แล้วเราจะพูดยังไงดีละ) อื้มมมมมม??? เอาเป็นว่ามันคือฝันฝันๆๆๆๆ ฝันที่แสนจะน่าเบื่อ ฝันที่ไม่มีอะไรด้เสียเลย ฝันนั้นคือฝัน (คงไม่เข้าใจกันสินะ) ก็มันเป็นฝันยังไงละ หวังว่าเข้าใจกันนะจ๊าาาาา

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

วันหยุด

           วันจันทร์ที่5พวกเราก็ได้ไปอาสาสร้างสุขที่ศูนย์เด็กเหล็กบ้านผมวันแรกก็ตื่นเต้นมากเลยครับเพราะยังไม่เคยไปแต่พออยู่ได้3-4วันก็สนุกดีครับเพราะมีเด็กๆมาเล่นด้วยหลายคนมากเลยครับ   พอมาวันพฤหัสบดีเขาก็จัดงานวันเด็กพวกผมก็ไปช่วยจัดวันศุกร์ก็ไปช่วยและก็ได้ขนมกลับมาด้วยและก่อนกลับบ้านครูเขาก็พาไปกินเนื้อย่างครับ

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

อาสาสร้างสุข -เดียร์

อาสาสร้างสุขของหนู ที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ช่อผกา 
   หนูได้มีพี่เอมมี่ และพี่ออดี้ ช่วยดูแลน้องๆ ที่นั้น เพราะพวกเราได้ไปที่เดียวกัน ที่นั้นแบ่งออกเป็นสามห้องๆ องุ่น แอปเปื้ล ห้องครัว 
ห้ององุ่น เป็นห้องเด็กเล็กอายุ 2 ขวบ
ห้องแอปเปิ้ล เป็นห้องเด็กเล็กอายุ 3 ขวบ 
วันแรกที่พวกเราได้ไป พวกเราได้ไปอยู่ห้องครัว แล้วก็เวียนกันไปแต่ล่ะห้อง 
วันจันทร์พวกเราอยู่ห้องครัว
วันอังคาร หนูอยู่ห้องครัว
วันพุธ หนูอยู่ห้ององุ่น
วันพฤหัส อยู่ห้องแอปเปิ้ล (ครึ่งวัน)
ส่วนวันศุกร์ พวกเราได้ไปช่วยคุณครูดูน้องที่งานวันเด็กค่ะ
วันแรกๆที่ได้ไป ก็ได้ไปเรียนรู้กิจวัตประจำวันของน้องๆ
ตอน 07:00 - 08:40 น. น้องเริ่มมาโรงเรียนแล้วก็กินอาหารว่างตอนเช้า เช่นข้าวต้ม ขนม ผลไม้
08:50 - 09:30 น. เข้าแถว ทำกิจกรรมหน้าเสาธง แล้วก็ร้องเพลงตอนเช้ากับคุณครู
10:00 - 10:50 น. แยกย้ายเข้าห้อง และทำกิจกรรมต่างๆกับคุณครู
11:00 - 11:40 น. กินข้าวเที่ยง
12:00 - 14:00 น. นอน
14:20-14:45 น. กินนมรอผู้ปกครองมารับ
วันที่สองที่สาม พวกเราก็ได้รู้ว่าส่วนมากน้องทำกิจกรรมอะไรบ้างก็จะมี เล่นของเล่น ร้องเพลง ระบายสี ปั่นดินน้ำมัน วาดภาพ หนูก็ได้วาดภาพให้น้องๆระบายด้วยค่ะ
หนูประทับใจอย่างหนึ่งที่คุณครูเล่าให้ฟัง ครูบอกว่า " ครูมาอยู่ที่นี่ครูถึงรู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเป็นแบบไหน พ่อแม่ต้องเหนื่อยแค่ไหน..."  การเลี้ยงเด็กนี้หนูคิดว่ามันนักมากเลยนะคะ แต่พ่อแม่เลี้ยงเรามาขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ขอบคุณนะคะ

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

ความสุขวันวันปิดเรียน หนูมีความสุขมากที่ตัวของหนูได้ไปสอนเด็กๆเเละหนูเองก็เหมือนกันว่าเด็กก็มีความสุขที่ได้มีการเล่นเกม วาดภาพและอื่นอีกมากมากคะ หนูคิดแบบนั้นนะ

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

ออกนิเทศอาสาสร้างสุข

          วันนี้ช่วงเช้า 09.00 น. ครูมัธยม 4 คน ออกไปนิเทศติดตามการทำงานของนักเรียนชั้น ม.1 , ม.2 ในการทำกิจกรรมอาสาสร้างสุข ช่วยเหลืองานหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่พวกเขาได้เสนอสถานที่ก่อนปิดเรียน Quarter 3 ที่ผ่านมา
            คุณครูแบ่งออกเป็น 2 ทีม
ทีม 1 : ครูณี  ครูน้ำผึ้ง
โรงเรียนอนุบาลลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
โรงเรียนบ้านกวางงอย(รัฐราษฎร์อำนวยวิทย์) อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์วัดบ้านหนองโดน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ทีม 2 : ครูป้อม  ครูเส็ง
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ช่อผะกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
โรงเรียนบ้านยางคุรุราษฎร์รังสรรค์ ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์

ส่วนสถานที่ที่ได้ไปร่วมสังเกตการณ์การทำงานนั้น ทางคุณครูได้ประสานงานกับผู้ปกครองในการดูแลแล้วค่ะ เนื่องจากเด็กๆ ได้เรียนรู้การทำงานใกล้กับสถานที่ที่ผู้ปกครองทำงานอยู่แล้ว
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
1.      เด็กชายชนินทร  ซอนรัมย์ (พี่ชาติ) ม.1
ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์วัดบ้านหนองพะองค์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
1.      เด็กหญิงรุ่งนภัส  ภูอาจดั้น (พี่ฟ้า) ม.2
พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
1.      เด็กชายกฤษฎีกา  ปักกาโต (พี่นัป) ม.2

            ทุกหน่วยงานต่างๆ ที่นักเรียนมัธยมเราได้เข้าไปช่วยงานอาสาสร้างสุขนั้น ทางคุณครูที่ดูแลอยู่ต่างชื่นชมในความสามารถของเด็กนักเรียนเราที่รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบในการทำงาน มาทำงานแต่เช้า รู้จักวิธีสอนน้อง พาน้องเล่น, พาเล่นเกม, ร้องเพลง, พาทำจิตศึกษา, สอนหนังสือน้องๆ ภาษาไทย คณิตฯ, พาน้องร้องเพลง เป็นต้น
            กิจกรรมมากมายที่นักเรียนกลุ่มนี้ได้ไปถ่ายทอดความรู้ เผยแพร่นวัตกรรมต่างๆ สู่หน่วยงานที่รู้จักโรงเรียนฯของเรามาบ้าง

            ทุกสานที่อยากให้มีกิจกรรมนี้ต่อเนื่องทุกๆ ปี มาช่วยเหลืองานคุณครูได้หลายๆ ส่วน.