วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กิจกรรมจิตศึกษา

     เช้าวันนี้เพื่อนๆ มาโรงเรียนครบทุกคน คุณครูณีได้ไห้โจทย์พวกเราคือ ไห้เราเดิน50ก้าว ไห้ก้าวที่50อยู่ที่เดิม(ที่จุดเริ่มต้น) และคุณคครูก็ไห้เราทุกคนจำจุดที่เราหยุดและจำเลขมี่เรานับที่จุดหยุด และไห้เราดูว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเราบ้างในบริเวณนั้น และไห้บอกความรู้สึกของเราในตอนที่อยู่ณบริเวณนั้นค่ะ...                                                                                                                                                               ก้าวของหนูหยุดที่ก้าว37ค่ะ หนูหยุดดูผักที่อยูแถวๆ ทางเข้าบ้านม.1ค่ะ หนูหยุดอยู่ตรงนั้นก็เพราะพื้นที่ตรงนั้นหนูยืนแล้วก็มีความรู็สึกเย็น และหนูก็มองไปเห็นผักชนิดหนึ่งและโฟกัสไปที่ลูกมะเขือค่ะหนูรู้สึกว่ามันเหมือนกันตัวหนูอย่างหนึ่งคือการเจริญเติบโตและต้องการสารอาหาารมาหล่อเลี้ยงตัวเราค่ะ...   และเพื่อนๆ แต่ละคนก็มีจุดที่เราโฟกัสไปและอยู่กับบริเวณนั้นและก็กลับมาอยู่กับตนเองและกลับมาที่จุดเริ่มต้นและเล่าไห้กับเพื่อนๆ ฟังค่ะ...

ทำE-Book ครั้งแรก

วันนี้ครูได้แบ่งกลุ่มให้ทำ E-Book โดยครูให้จับกลุ่มทำเอง กลุ่มหนูมีพี่เบนซ์ พี่ชาติ และหนูค่ะ  การทำ E-Bookครั้งนี้ไม่มีใครทำเป็นเลยพวกเราเลยได้คำแนะนำจากครูว่าให้ทำชิ้นงานมาก่อนแล้วครูจะพาแสกนลงเครื่องแล้วให้นำมาเรียงเป็นเรื่องเดียวกัน  โดยมีหัวข้องานคือ กฎหมายเกี่ยวกับสื่อ กฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เราได้วางชิ้นงานร่วมกันว่า เราจะทำนิทานช่อง  ทุกคนช่วยกันทำนิทานช่องและแบ่งหัวข้อกันคนละหัวข้อ ทุกคนช่วยกันทำงาน เราเจออุปสรรคในกลุ่มคืองานเราอาจจะหายบ้างหรืองานไม่เสร็จบ้าง เราก็ช่วยกันแก้ปัญหา ถ้าไม่ทำใหม่ก็ทำงานที่ยังไม่เสร็จช่วยกันเสร็จ และต่อมาก็ได้โจทย์เข้ามาเพิ่มอีก 2 โจทย์คือโฆษณาในชีวิตประจำวัน และการเลือกรับสื่อ ชิ้นงานคืออิสระค่ะ กลุ่มพวกเราเลือกเขียนบรรยาย และวาดภาพประกอบเอาค่ะ ตอนนี้งานพวกเราเสร็จแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จเพราะพวกเรายังไม่ได้เรียบเรียงให้เป็นสมุดเล่นเดียวกันค่ะ ถ้าเราเรียบเรียงเสร็จเราคือทำสำเร็จค่ะ

หมาน้อยของฉัน

สวัสดีเช้าวันใหม่...อากาศแจ่มใส ชวนหลงไหลไปกับลม ฉันเดินออกไปหลังเท้าของฉันได้สัมผัสกับหญ้านุ่มๆชุ่มไปด้วยน้ำค้าง...มันช่างเย็นสบายเหมือนได้แช่เท้าในลำธาร ทำให้ฉันนั้นอยากสัมผัสไปนานๆพอฉันได้เกินไปอีกสองถึงสามก้าวเท้าของฉันได้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่าง.....สิ่งๆนั้นก็คือ เจ้าสุนัขน้อยมอมแมมตัวหนึ่งซึ่งกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหญ้า ฉันมองเจ้าลูกสุนัขและยิ้มมีความสุขไปกับมันและฉันก็ค่อยนำมือทั้งสองข้างไปสัมผัสกับหัวของมันและลูบเบา หัวของเจ้าลูกหมานั้นนุ่มเหมือนสำลีทำให้น่ากอดยิ่งขึ้น แต่.....คงไม่ได้เพราะเจ้าลูกหมานั้นมอมแมมไปหมดฉันเลยหาน้ำมาชโลมตัวของเจ้าลูกหมาเพื่อให้ฝุ่นหรือดินนั้นออกจากตัว และหลังจากนั้นเจ้าลูกหมาก็ขนฟูมากๆ และสะอาดขึ้นกว่า ยิ่งมองมันมันก็ยิ่งน่ารัก ฉันเลยค่อยนำมือไปโอบเข้าที่ตัวลูกหมาแล้วกอดมันเบาๆ แล้วฉันก็ได้พามันออกไปเล่นจนตะวันตกดิน....

เรียนรู้ในวันหยุด

    วันหยุดสองวันเมื่อกี่ในวันเสาร์ตอนเช้าหนูตื่รนขึ้นมาอาบน้ำแล้วพ่อก็บอกหนูว่าจะพาไปทำงานค่ะหนูเลยรีบทำธุระส่วนตัวขปงตัวเองไห้เสร็จแล้วก็ขับรดตามพ่อไป สวนหนองตาเผือกค่ะ พ่อถึงสวนพ่อก็ไห้หนูกลับมาบ้านมาเอาน้ำค่ะ หนูเลยซื้อกาแฟไปไห้พ่อหนึ่งกระป๋องค่ะ แล้วอาก็มากลับหนู(มาส่งหนูอยู๋สวนแล้วก็เอารดไปไห้ปู่ค่ะ) แล้วงานที่หนูไปทำคือกู้มันค่ะ หนูไม่เคยทำงานนี้เลยสักครั้งค่ะและงานในวันนั้นหนูก็รู้สึกอยากทำมากค่ะ และในบ้างครั้งในบางช่วงหนูก็รู้สึกหิวข้าวค่ะเพราะหนูไม่ได้กินข้าวเช้ามาค่ะพอประมาณ10:00น.กว่าๆหนูเลยมาพักกินน้ำแล้วหนูก็เลยหาข้าวกินค่ะ แลัวหนูก็เลยรีบกินแล้วก็ไปทำงานต่อค่ะ งานที่ทำคือ ตัดหัวมัน เอามันไส่ถุงค่ะ สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือการหัดทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน ความตั้งใจใส่ใจกับสิ่งๆนั้น ดูจากผู้ใหญ่และทำตาม(ทำตามในสิ่งที่ดี อะไรไม่ควรก็ไม่ต้องทำตาม) หนูเคยคิดว่ามันคงยากมากแต่เมื่อหนูลองทำมัน ในสิ่งนั้นก็ไม่ยากเกินความสามารถของเราเลยค่ะ...            วันอาทิตย์หนูก็อยู๋บ้านทำบายศรีและช่วยปู่ฉีดยาหมูน้อยค่ะ...

ความคืบหน้าของผัก

      ตอนนี้ผักของหนูโตเต็มที่มากแล้ว เพื่อนบอกหนูว่าผักหนูสวยและโตพอที่จะนำไปทำอาหารกินได้แล้วค่ะ หนูดีใจมากที่เพื่อนเห็นความงอกงามของผักหนู และผักหนูก็โตมากพอที่จะนำไปทำอาหารกินได้แล้วค่ะ ถ้าอาหารที่หนูจะทำจากผักที่หนูปลูกคือหนูจะทำ ห่อผักสลัด และ ผัดผักคะน้าค่ะ 
     ผักที่หนูปลูกมีผักคะน้า สลัด ต้นหอม และผักบุ้งค่ะ  ผักที่จะนำไปทำอาหารได้คือสามารถนำไปทำได้ทุกชนิดได้แล้วแต่ ต้นหอม และ ผักบุ้ง ของหนูมันน้อยมาก แต่ผักคะน้า และ ผักสลัดหนูปลูกเยอะกว่า หนูเลยจะนำผักคะน้า และ ผักสลัดไปทำอาหารค่ะ

ปลูกผัก

ในการปลูกผักครั้งนี้ทำให้หนูว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะการปลูกผักมันก็ทำให้หนูกังวลเหมือนกับตอนปลูกข้าว  ที่หนูกังวลเรื่องปลูกผักคือ ผักที่หนูคือหนูนำมาปลูกคือหนูแซมมาปลูกเอาค่ะ ตอนแรกมันเหี่ยวมากหนูกลัวมันจะไม่เกิด วันหลังมาหนูก็รดน้ำใส่ปุ๋ยให้ ผักก็เริ่มโตขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หนูก็เริ่มมีหวัง หลังจากนั้นหนูก็เอาฟางมาใส่ เอาปุ๋ยมาใส่และรดน้ำให้ผักค่ะ วันต่อมาหนูมาดูผักมันแตกต่างไปจากตอนแรกมากคือมันโตขึ้นมากกว่าเดิมมาก โตจนหนูเห็นความแตกต่างกันมาจากตอนแรกที่หนูคิดว่ามันจะไม่เกิดหรือไม่ก็มันจะตาย  แต่ตอนนี้มันกลับมากกลับกันจริงๆ คือมันโตจนหนูดีใจมากที่ผักโต ถึงมันจะไม่สวยเท่าผักของคนอื่นแต่หนูก็ภูมิใจที่หนูปลูกผักเกิด และหนูบอกกับตัวเองว่า หนูทำสำเร็จแล้วค่ะ  
การปลูก ผัก ใบเขียว

ผักของหนูเริ่มโตขึ้น มานิดหน่อย แล้วค่ะ หนูปลูกผัก บุ้ง และผัก คะน้า ค่ะ แต่ผักของหนู นั้นมีปัญหา เรื่อง ดินค่ะ ดิน ของหนูนั้นไม่เหมาะสมสำหรับกับการปลูผัก ดินของหนู มันแตก และ แห้งมาก หนูคิดว่าดิน ของหนูไม่เหมาะสำหรับการ ปลูกผัก ค่ะ และ พวกเรสาจึง พากันหาวิธี การแก้ไข ค่ะว่าจะ ทำยังไง และ   คุณครู ณี และครูป้อม  ก้เลยพา พวกเราทด สอบ ความเป็น กรด และ เบส ของ ดินค่ะ พวกเราก็นำเอา ดินมาใส่แก้ว และใส่ นำ้ คนจนให้ดินนั้น ตกตะกร ค่ะ และ นำเอากระดาษ ลิสมัส ลงไปทดสอบ พบว่าดินของหนู เป็น  เบส  ค่ะเเละ หนู จึงเอา ขี้ควายมาใส่ ค่ะ และ เอาฟางมาใส่ค่ะ และลดนำ้ และ ผักก็เกิดขึ้น ทีละ นิดค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดูแลบริเวณมัธยม(ปลวก , ถังน้ำ)

ปัญหาที่พบ..และแก้ปัญหาแล้วบางส่วน...
1. ปลวกบริเวณใต้ถุนบ้าน ม.1
2. ถังน้ำดื่มมัธยม ข้างบ้าน ม.2      

         วันนี้พี่ตู่มาดูแลห้องสมุด ม.1 ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย 2 โมง
ปลวกมาสร้างรังไว้บริเวณใต้ถุนบ้าน(รังใหญ่มาก) ระหว่างห้องสมุดกับห้องคอมฯ ได้รื้อรังออกและฉีดยาฆ่าปลวกเรียบร้อยแล้วครับ..

       และพี่ตู่ช่วยเปลี่ยนถ่ายน้ำที่ถังบริเวณด้วนหลัง ม.2 เพราะน้ำเริ่มออกสีเหลือง มีสนิมปนน้ำมาพร้อมอันตรายต่อการดื่มน้ำของนักเรียน


_ช่วยดูแลบริเวณโดยรอบมัธยมและรอบๆโรงเรียนฯตลอดทั้งวัน
ชื่นชมความตั้งใจดีของพนักงานโรงเรียนฯ

ของคุณพี่ตู่ครับ.

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม

       ยามรุ่งเช้าแสงแดดทอสวา่งกระทบกับพื้นผิวของน้ำในบ่อเกิดเป็นประกายกลมๆ อ้อมวงน้ำและมีเสียงก้อนหินกระทบกันและกระเด็นตกน้ำ... แสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องผ่านก้อนเมฆมีฝูงนกน้อยบินผ่านอย่างแผ่วเบา....บนพื้นดินนั้นยังเติมเต็มไปด้วพื้นหญ้าที่เขียวขจี และยังมีความรู้สึกคล้ายกับไอน้ำที่ทุ้งหญ้าส่งกลิ่นมากลับสายลมหมอเหมือนกลับกลิ่นฝนที่พึ่งส่าง ลมพัดเย็นสบาย....

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มันคือเรื่องจริง (เรื่องสั้น)

วันนี้เป็นวันอาทิตย์หนูได้เดินหน้าบ้านมาดูมาขายของแล้วก็มีคุณลุงคนหนึ่งขับรถเข้ามา หนูก็ไม่ได้สังเกตุอะไรเห็นแกคุยกับปกติหนูเลยเดินไปหลังบ้านพ่อก็ทำงานไปคุยไป แม่ก็อาบน้ำ หนูกับพี่เลยขับรถออกไปซื้อของ พอกลับมาลุงคนนั้นก็ยังไม่ไปไหน หนูเลยเดินไปหลังบ้านไปเอาน้ำมาดื่ม พอกลับมาหน้าบ้านอีกรอบรถมอเตอร์ไซค์ของหนูก็หายไปแต่รถของลุงคนนั้นอยู่ที่นี่ตัวลุงก็ไม่เห็น หนูเลยถามพ่อไปว่า "พ่อ ลุงแกกลับไปแล้วเหรอ?" พ่อตอบ"ใช่" หนูเลยยิ้มให้พ่อแล้วบอกว่าลุงเอารถไปผิดคัน พ่อบอกลุงแกเมา พ่อเลยไปตามรถที่บ้านแกแต่ก็ไม่เห็น แม่ก็ออกไปหา แต่ก็ไม่เห็น พอรอบสามแม่ได้รถคืนมา แม่กลับมาแล้วก็บอกว่า รถคันนี้ก็ไม่ใช่รถของแกเหมือนกัน 


สิ่งที่หนูได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ เราควรรู้จักสังเกตุและควรมีสติรู้ตัวตลอดเวลา...ค่ะ
เรื่อง: คำสาป แห่ง สมบัติ     ณ ประเทศอียิปต์ ในพีระมิดคูฟู อันเป็นที่อยู่ของสมบัติมากมายและพระศพของฟาร์โรผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีนักล่าสมบัติหลายคนที่ปรารถนามัน ในนั้นมีทั้ง ทองคำ เพชรพลอย ไพลิน และอื่นๆอีกมากมาย    “เดฟ” เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้โบราณวัตถุและสมบัติ เขาตั้งใจจะไปที่นั้นหลายครั้งหลายหน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเดินทางเข้าไปถึงที่นั้น เพราะถึงแม้ว่าในพีระมิดจะมีสมบัติอยู่มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ เพราะภายในนั้นมีกับดักอยู่มากมาย และยังมีประตูกลที่ซับซ้อนซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มีนักล่าสมบัติหลายคนเดินทางเข้าไป แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะได้กลับออกมาได้ และยังมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาอีกว่า ผู้ใดที่ขโมยสมบัติของฟาร์โรไป ผู้นั้นจะโดนคำสาปตลอดชีวิต เรื่องนี้ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ แต่มันก็ทำให้นักล่าสมบัติหลายคนที่ได้นำสมบัติติดมือมาด้วย เสียชีวิตไปหลายคนแล้ว มันจึงทำให้เดฟกลัวมากๆ  วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจกับตัวเองว่า ตายเป็นตายแค่ขอให้ได้เห็นขุมทรัพย์อันเป็นปริศนานั้นสักครั้งในชีวิต  ในวันรุ่งขึ้น เขาจัดเตรียมสิ่งของทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆ และเขาก็ออกเดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนอีก 3 คน ชื่อว่า  “จินนี่ คาร์ลาย และ จูเลีย”    พอไปถึงที่นั่นพวกเขาก็เริ่มเอกเดินทาง “จินนี่ เป็นคนรอบคอบ ระวัง และสังเกตได้ดี จึงมีหน้าที่นำทาง  คาร์ลาย มีหน้าที่ สำรวจเเผนที่เพราะสังเกตได้ดีเช่นเดียวกัน จูเลียนั้นเธอเป็นแม่ครัวที่สามารถนำอาหารเท่าที่มีอยู่มาปรุงอาหารให้อร่อยได้ ส่วนเดฟนั้น มีหน้าที่คอยสังเกตตามจุดต่างๆที่น่าสงใส” พวกเขาออกเดินทางกันมาแล้วครึ่งค่อนวัน เขาเจอกับอุปสรรคมากมายแต่พวกเขาก็ฝ่ามันมาด้วยกันจนผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัย  พอดูนาฬิกาแล้วตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น  พวกเขาจึงเริ่มทำอาหารและก่อไฟในห้องโถงโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งมันใหญ่มาก พวกเขากางเต้นท์นอนล้อมรอบกองไฟ เละในวันรุ่งขึ้นเวลา 6:40 น.พวกเขาเริ่มเก็บของและออกเดินทางต่อ ในขณะนั้นจูเลียรีบเดินและมัวแต่มองข้างทาง จึงก้าวพลาดไปเหยียบกับทางกลทางหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดลื่นลงไปในทางนั้นและเจอกับแสงสีทองที่สว่างออกมา  ทุกคนหันไปมองพร้อมกันและจึงรู้ว่านั้นคือสมบัติที่พวกเขาแสวงหามานาน พวกเขาดีใจมาก พวกเขาจึงถ่ายรูปกับสมบัตินั้น และกลับออกไปพร้อมสมบัติคนละชิ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับกลับไปเล่าเรื่องราวให้กับคนทางบ้านและนักล่าสมบัติคนอื่นๆได้ฟัง ทุกๆคนก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวต่างๆมากมาย จนลืมเรื่องคำสาปที่ติดอยู่กับสมบัติของฟาร์โรเสียหมด.

เรื่อง ชายหนุ่มกับวิญญาณ

  ณ เมืองแห่งหนึ่งชื่อเมืองว่าเมือง รามนะพัด มีคนสวนชื่อว่า ดาวา ชายหนุ่มคนนี้เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อกับแม่เขาปล่อยลอยแพมาถึงหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งจนกระทั่งหญิงชราก็ได้เข้าไปพบก็เลยเก็บเขาไปเลี้ยงดู แต่หญิงชรานั้นมีฐานะยากจนทำให้การอยู่กินไม่ค่อยจะสะดวกสบายสักเท่าไร หลายปีต่อมา หญิงชราก็พาชายหนุ่มเข้าไปทำงานที่เมือง รามนะพัด เขาทำงานที่นั่นมาหลายปีจนเขาเติบใหญ่ วันหนึ่งเขาคิดอยากออกไปหาลูกไม้ป่ากลับไปฝากหญิงชราที่บ้านของเขาพอเขาเดินทางกลับเขารู้สึกกระหายน้ำมากเขาเลยหยุดพักแล้วก็ไปดื่มน้ำที่ลำธารแล้วเขาก็พบกับหม้อใบหนึ่งที่อยู่กับโคนต้นไม้อีกฝากหนึ่งเขาจึงข้ามไปเอาแล้วเขาก็เปิดดูเขาพบกับควันที่ก่อตัวกันเป็นรูปใบหน้าคนเขาตกใจมากจึงทำหม้อหล่นลงพื้นสิ่งที่เขาพบนั้นคือวิญญาณแค่เขากระพริบตาวิญญาณนั้นก็หายไปแล้วเขาก็กลับไปหาหญิงชราแล้วน้ำลูกไม้ป่าไปให้หญิงชราแล้วเขาก็กลับไปที่เมืองรามนะพัด ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากป่าแห่งนั้นเข้าก็รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรตามมาตลอดเขาก็เลยไปหาหญิงชราแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับหญิงชราฟังแล้วหญิงชราก็บอกว่าคงเป็นสัมภเวสีตามลูกมาเดี๋ยวแม่พาไปหาหลวงพ่อที่วัดในหมู่บ้านแล้วหญิงชราก็พาชายหนุ่มไปที่วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านพอไปถึงโบสถ์ที่หลวงพ่ออยู่หลวงพ่อก็บอกว่าค่าคงช่วยอะไรไม่ได้คงเป็นกรรมเก่าแต่ชาติก่อนข้าช่วยได้แค่บอกให้เธอแสวงหาและทำบุญมากๆหลายเดือนต่อมาทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

แต่งเรื่องจากคำศัพท์


เรื่อง  ขุมทรัพย์ที่ตามหา
   ณ  หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และลูกอีก ลูกคนแรกชื่อ มะปลิม เป็นผู้หญิง ลูกคนที่สองชื่อ เปรม เป็นผู้ชาย  มะปลิมเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตา น่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย ตากลม มีผมสีทอง ผิวขาวเล็กน้อย ส่วนสูงน่ารัก  เปรมเป็นเด็กผู้ชายที่สูงมาก มีสีผิวที่คล้ำ คิ้วหนา ปากเล็ก ตาคม พูดง่ายๆว่าหล่อ ปลิมกับเปรมมีอายุห่างกันแค่ 1 ปี ปลิมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  ส่วนเปรม อยู่มัธยมศึกษาปีที่ ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวนักเดินทาง มีอยู่วันหนึ่งทั้งสองพี่น้องได้ไปเที่ยวด้วยกัน  ปลิมได้พาเปรมไปไหว้พระขอพรที่บสถ์ อันศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่ง สองพี่น้องคู่นี้ปรารถนาที่จะไปเที่ยวที่อียิปต์ เลยมาขอพร เพื่อที่จะให้คำขอเป็นจริง พอพวกเขากราบลงพร้อมพร้อมๆกัน ครั้ง พอแหงนหน้าขึ้นมา เปรมก็มองไปเห็นกระดาษ แผ่น เลยเดินเข้าไปหยิบ แล้วเอามาให้ปลิมซึ่งเป็นพี่สาว กระดาษนั้นมีสีขาวขุ่น มีเลือดติดกับกระดาษนิดหน่อย ปลิมเลยเปิดกระดาษขึ้นมาแล้วอ่าน กระดาษใบนั้นเขียนว่า ขุมทรัพย์ที่อียิปต์แล้วเปรมก็ถามปลิมว่า  มันคืออะไร เปรมไม่เข้าใจ ปลิมก็ไม่ตอบ ปลิมได้เปิดกระดาษแผ่นที่สองขึ้นมา มันก็กลายเป็นแผ่นที่หาสมบัติ ทั้งสองดีใจมากที่ได้แผนที่นั้นมา ปลิมเลยรีบพาเปรมกลับบ้าน ไปเก็บของใช้ที่จำเป็น  เมื่อพลบค่ำพอพ่อกับแม่นอนหลับ ทั้งสองก็ได้หนีออกจากบ้าน เพื่อที่จะไปที่อียิปต์ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ทั้งสองก็ได้ไปถึงที่อียิปต์ แล้วเริ่มเดินทาง โดยปลิมเป็นผู้นำทางเพราะปลิมเชี่ยวชาญการดูแผนที่ ระหว่างเดินทางทั้งสองได้เจออุปสรรคมากมาย เจอทั้งแดด ทั้งลม แต่ทั้งสองก็ผ่านมันไปได้ ด้วยใจที่มุ่งมั่นและศรัทธา ในขุมทรัพย์ที่ตามหา ทำให้ทั้งสองได้ไปเจอสมบัติในที่สุด ทั้งสองดีใจมาก ทั้งสองรีบเดินทางกลับบ้าน ด้วยความมุ่งมั่น และความพยายามจึงทำให้เจอสมบัติ และทำให้ครอบครัวมีฐานะที่ดีขึ้น มีเงินมีทองใช้อย่างสุขสบาย

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความรู้ GSP

ความรู้ GSP

                   วันแรกที่ผมทำ GSP ผมก็ให้เพื่อนๆสอนและผมก็คล่อยเริ่มทำได้พอผมทำได้บางรูปผมก็ไปหัดทำวงกลมครับและในตอนนี้ผมก็ทำได้แล้วผมเห็นว่าทำ GSP มันสนุกดีผมจึงเอาคอมมาให้พี่ชาติลงโปรแกรม  GSP ให้และผมก็ไปทำอยู่บ้านและครูป้อมก็ได้ให้พวกเราสอบ GSP และผมก็ทำได้ดีอยู่ครับ


วันหยุดของผม

      วันเสาร์ผมได้มาสวนมาทำกับดักปลากับตาของผมที่สวนพอทำเสร็จผมกับตาและยายผมได้ไปเฝ่าวัวที่จะออกลูกมาเวลาผ่านไป 1ชั่วโมงผมก็ไปตกเบ็ดต่อพอผมกลับมาวัวก็ออกลูกมาขากำลังออกมาได้ถึงหัวเข่าแม่มันก็เบ็งขาลูกมันพอหมดแรงขามันก็เขาไปคืนตาผมก็รีบไปดึงขาของลูกมันมาและแม่มันก็ชวยเบ็งให้จนออกมาเป็นวัวตัวเมียวัวของผมตัวนี้มันไม่ค่อยมีแรงตัวที่แล้วที่มันท้องก็ออกลูกมามันก็หมดแรงลูกมันก็เข้าไปคืนตาผมช่วยไม่ทันลูกมันก็เลยตายไปแต่ตอนนี้ตาผมมาช่วยทันก็เลยรอดไปและตาผมกับผมก็นังรอเอาน่องวัวเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงครึงมันก็ออกน่องวัวมาและยายผมก็รีบไปเอามาไม่งั่นวัวก็จะกินหมดน่องวัวคือเปลือกที่ห่อหุ่มวัวน้อยในท้องแม่และยายผมก็เอาไปล่างและเอามานึ่ง น่องวัวนี้เป็นของโปรดของผมเลยและผมก็กลับบ้าน                                

เเต่งเรื่องจากคำศัพท์ [เเสวงหา.กะลาสี.สารพัด.ปราสาท]

          
                   เรื่อง หมู่เกาะกะโหลก
ณ ท้องทะเลอันไกลโพ้น มีนักเดินเรือ ที่กำลังเดินเรือเพื่อสำรวจหมู่เกาะเเห่งหนึ่ง ก่อนเดินทางเขาเเสวงหา กะลาสีที่มีประสบการณ์สูงในการในการเดินเรือ เเละพอได้กะลาสีมาเเล้ว เขาก็เลือกซื้อเรือขนาดยักษ์ ในเรือมีของสารพัดมาเตรียมให้เเล้ว ก่อนเดินทางเขาถามชาวบ้านว่าหมู่เกาะที่มีรูปร่างเป็นโครงกระดูกมนุษย์อยู่ที่ไหน พวกชาวต่างพากันเงียบและบอกกล่าวไปว่า ถ้าคุณไปที่เกาะนั่นคุณจะไม่อยากสำรวจเกาะนั่นอีกแน่ เขาจึงถามแค่ว่า แล้วเจ้าเกาะสยองนั่นอยู่ไหนล่”….ในที่สุดเขาได้เดินทางมาพบหมู่เกาะที่ค้นหามานาน ชื่อของมันคือ เกาะกะโหลก ส่วนทางเหนือสุดของหมู่เกาะโครงกระดูกมนุษย์ สถานที่ที่ผู้คนกล่าวขวัญถึงสิ่งมีชีวิตที่เสมือนราวกับมาจากขุมนรก แต่ก่อนลงพวกเขาจะลงจากเรือก็ได้แบ่งปันอาวุธให้ถือกัน และพอพวกเขาลงไปที่เกาะก็พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดบนหาดทราย มันมีหัวที่แข็งแรง และเข้าทำร้ายพวกกะลาสีอย่างบ้าคลั่ง แต่ก่อนที่จะได้สังหารกะลาสีหนึ่งนาย มันได้วิ่งหนีเข้าป่าเนื่องจากเสียงคำรามที่ดังหนวกหู หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงคำรามนี้สักพัก ก็ได้ส่งคนบ้างส่วนเข้าเฝ้าเรือไว้และก็ได้ส่งคนขึ้นไปบนต้นไม้สูงๆอย่างต้นสน เพื่อสำรวจที่มาของเสียงคำรามนั่นและแล้วคนที่ขึ้นต้นสนก็ลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เขาไม่พูดอะไรเลย แค่บอกว่ามีคนยักษ์มาจ้องตากับข้าน่ะคำพูดของกาลาสีคนนี้ได้กลายเป็นเรื่องน่ากังวลของพวกกะลาสี พวกเขาเริ่มเเบ่งเป็น 2 กลุ่มเเละแจกจ่ายเสบียงและอาวุธ หลายวันต่อมา ทีมที่ 1 กลับมาถึงเรือก่อน ส่วนทีมที่ 2 ที่มีกัปตันอยู่ด้วยพวกเขาได้พบปราสาทโบราณ และพากันตั้งแคมป์กันที่นั่น เเละเปลี่ยนเวรเฝ้าระวังภัย ในคืนนั่นมีเสียงยิงปืนขึ้นมาจนพวกกะลาสีที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา และมีคนที่เป็นเวรก็แจ้งว่ามีตะขาบยักษ์โผล่มาเข้าโจมตีและสั่งให้บางส่วนวิ่งหนีหาเรือต่อ พวกเขาได้พบเรือในรุ่งเช้า พอขึ้นเรือก็พบพวกที่ตามมาที่หลังอาบไปด้วยเลือดและบางคนร่างกายมาไม่ครบทุกส่วนและมีเสียงปืนและเสียงคำรามตามมาติดๆกัน และเสียงก็เงียบลงแล้วมีเสียงเดินของสัตว์ตัวโตกำลังเดินมาที่เรือ พวกกะลาสีสั่งให้รีบๆออกเรือ และหลังจากออกเรือได้พักหนึ่งกะลาสีนายหนึ่งได้เห็นสิ่งมีชีวิตเอาชีวิตเพื่อนของเขาไป เป็นมนุษย์ยักษ์ร่างกายเป็นผู้หญิง แต่มีหางตรงปลายหางมีหนามยาวๆยื่นออกมาสามคู่และปลายหางเป็นตะขอหนึ่งคู่ มีสีผมเป็นสีน้ำเงินปนฟ้า มือซ้ายมีสี่นิ้ว[ไม่มีรอยขาดของอีกนิ้ว] อีกข้างห้านิ้ว แต่มีนิ้วเป็นกรงเล็บ มีฟันที่แหลมคมและปากฉีกไปถึงหู และจุดเด่นคือมีปานสีขาวลายไฟล้อมรอบตาสีขาวของมัน
เรื่องนี้ได้เเรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง "KINGKONG" เป็นชื่อเกาะ เเต่ตัวละครผมสร้างขึ้นเอง.

สัตที่ฉันไม่ชอบที่สุก

เจ้าตัวนี่ถือว่าฉันเกรียดมากๆเลยด้วย มันเป็นอะไรที่น่ากลัว แต่ถึงอย่างไรเราก็เกิดมาเป็นเพื่อนร้วมโลกกัน แต่ในเมือตัวข้องฉันไม่ชอบเจ้าตัวนี้จึึงไม่อยากจพชะพูดของแต่ก็ไม่ใช้เพียงแค่เจ้าตัวนี้อย่างเดียวหลอนะ ยังมีอีก4-9ที่ฉันไม่ชอบ แต่ก็ไม่เป็นไรนักหลอ....ก็เพราะว่าฉันไม่ได้ไปทำอะไรเจ้าสัตว์พวกนั้นเสียก่อน

เรื่อง ความฝัน

ณ ความฝันอันแสนหวาน ของเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายเป็นคนมีฐานะยากจนมากและยู่ในชุมชนที่ขับแคบ(ประเทศอินเดีย)แต่ใครจะรู้กันละว่า เด็กชายคนนี้จะมีความฝันที่แสงจะไม่มีใครเทียบได้ เมื่อเด็กชายได้นอนครั้งใด ความฝันของวันก่อนๆของเขามักจะเป็นจริงในทุกครั้ง เวลาผ่านไปไม่นานนัก คืนของวันนั้นเด็กชายก็ได้เข้านอนเหมือนครั้งก่อนๆ ในความฝันของเด็กชายในค้ำคืนของคืนนั้นเต็มไปด้วย สิ่งที่ดี เด็กชายได้ฝันถึง ประเทศฝรั่งเศส เขาได้ไปตามหาขุมทรัพย์ที่ประเทศนั้น ภาพที่เขากำลังเห็นนั้นคือตัวของเขาเองกำลังเดินตามแผนที่ ที่ได้มา เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเด็กชายได้ไปหยุดที่ต้นไม่ต้นหนึ่งเขายืนสงสัยอยู่นานมากจนกระทั่งเขาต้องลงไปนอนกองกับพื้นหญ้า และเด็กชายได้จ้องต้นไม่ต้นนั้น จ้องจนตาไม่กระพริบ ด้วยความที่เด็กชายตกใจมากจึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เวลาผ่านไป เด็กชายได้ตื้นขึ้น และได้ใช้มือทั้ง2ข้างใช้ขุดดินขึ้นมา เขาใช้เวลามากจนขนาดข้ามวันข้ามคืน จนกระทั้งเขาได้เจอกับสิ่งของสิ่งหนึ่งที่ดูแล้วรู้สึกว่าสิ่งของนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงนำสิ่งนั้นไปขายให้กับพ่อค่าคนหนึ่งที่มีฐานะร่ำรวยมาก เด็กชายได้เงินมาจำนวนมากมายมาก ด้วยความที่เขามีความพยายาม รู้จักแสวงหาการทำงาน เขาจึงมีบริษัท เป็นของตัวอง ละได้ทำงาน ในด้านการเมือง ทุกคนได้รู้จักกับเขาทั้งประเทศนั้น รวมทั้งต่างประเทศด้วย  เขาได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยสร้างโรงเรียนให้กับเด็กตาบอด  สร้างโบสถ์ให้กับวัดต่างๆที่ต้องการบูรณะซ่อมแซม  เขาภูมิใจมากในสิ่งที่เขาทำ ทันใดนั้น!!!!เด็กชายถึงกับตื่นขึ้นและดีใจกับในสิ่งที่เขาฝันนั้น แต่ใครจะไปรู้กันละว่าความฝันของเขาจะเป็นจริงในไม่ช้านี้

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รู้อะเปล่า

                     1. ไข่นกกระจอกเทศ 1 ฟองหนักเท่ากับไข่ไก่ 24 ฟอง
                  2. แหม่มเฮาส์ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนกุลสตรีวังหลังซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกของไทย
3. ส่วนที่เผ็ดที่สุดของพริกอยู่ที่เยื่อแกนกลาง
4. พิธากอรัส นักปรัชญากรีกเป็นผู้คิดสูตรคูณ
5. ทางหลวงสายแรกของประเทศไทยสร้างขึ้นในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี
6. ยีราฟมีกระดูกคอ 7 ชิ้นเท่ากับคนแต่ใหญ่กว่าถึง 10 เท่า
7. วินเลียม ฮาร์วีย์ เป็นผู้ค้นพบวงจรโลหิตเป็นคนแรกของโลก
8. ปอดของมนุษย์เราส่วนใหญ่ปอดด้านขวาจะมีขนาดใหญ่กว่าปอดด้านซ้าย
9. ปราสาทหินพิมายเป็นโบราณสถานของประเทศไทยที่มีอายุเก่าแก่กว่านครวัดของประกัมพูชา
10. บริเวณโหนกของอูฐจะเป็นส่วนของไขมันซึ่งมันจะเก็บไว้ใช้เป็นพลังงานสำรอง
12. ลิงกอริล่า จะสร้างรังขึ้นมาใหม่ทุกๆ วันในตอนเย็น เพื่อเอาไว้นอน
13. แอนโตนิโอ เมอุคซี่ เป็นผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์คนแรกของโลก
14. ถั่วคือผักเก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์เคยรู้จัก
15. ประเทศที่มีการจัดการระบบขยะที่ดีที่สุดในโลก คือ ประเทศญี่ปุ่น
16. กิ้งก่าเป็นสัตว์ที่หูหนวก
17. ทะเลสาบสุพีเรีย เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ระหว่างประเทศแคนาดากับประเทศสหรัฐฯ
18. ผีเสื้อกลางคืนรู้สึกมึนงงเมื่อบินผ่านเปลวไฟ จึงต้องบินเป็นวงกลม
19. อวกาศอยู่ห่างจากพื้นผิวโลกประมาณ 97 กิโลเมตร
20. วรรณคดีเรื่องแรกของอยุธยาคือเรื่องลิลิตโองการแช่งน้ำ
21. พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เป็นจักรพรรดิรัสเซียองค์สุดท้าย
22. เห็ดโคนญี่ปุ่นมีชีวิตอยู่ได้นาน2,000 ถึง 8,000 ปี
23. น้ำย่อยในกระเพาะของจระเข้มีกรดเกลือมากพอที่สามารถละลายเหล็กได้
24. นักฟิสิกส์คนแรกของโลก คือ อคิมีดีส
25. กระเพาะของปลาวาฬสีน้ำเงินสามารถจุอาหารได้มากกว่า 1,000 กิโลกรัม
26. สุนัขพันธุ์ ซาลุกิ สามารถกระโดดได้สูงถึง 6 เมตร
27. สมองของนกกระจอกเทศมีขนาดเท่ากับถั่ววอลนัท
28. ลิ้นของปลาวาฬสีน้ำเงินมีน้ำหนักมากกว่าช้าง 1 เชือก
29. คำว่า Hello ถูกเขียนขึ้นเป็นครั่งแรกในจดหมายของเอดิสัน
30. ในเวลา 1 ปี คนเรากินอาหารเฉลี่ยประมาณ 500 กิโลกรัม
31. รูป จอร์ช วอชิงตัน ปรากฏบนแสตมป์ดวงแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา
32. รัทแลนด์ เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของประเทศอังกฤษ
33. รางรถไฟเส้นทางแรกของโลกสร้างขึนที่ประเทศอังกฤษ
34. ประเทศที่ลงท้ายด้วยแลนด์คือประเทศที่ไม่ตกภายใต้เนื้อมือของประเทศอื่น
35.นอของแรดเกิดจากเส้นใยเคราตินที่อัดกันจนแน่น
36.อริสตาชุสแห่งซามอส เป็นคนแรกที่บอกว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
37.โดเรมอน ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้เป็นทูตสันถวไมตรี
38.ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ ปลาบึก
39.ภาพยนตร์ของ วอลต์ ดิสนีย์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง และได้รับรางวัลออสการ์มากที่สุดในโลก
40.เพชรเป็นสสารที่เกิดจากธรรมชาติที่มีความแข็งที่สุดในโลก
41.ปลาฉลามมีสัมผัสไฟฟ้าที่เร็วมาก
42. โทรศัพท์เครื่องแรกในประเทศไทยเริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.. 2424

แต่งเรื่องจากคำที่กำหนด 5คำ

เรื่อง  ความสุข

ยามตะวันทอแสงสว่างขึ้นเหนือขอบฟ้า มีชายหนุ่มคนหนึ่งเมื่อเขาตื่นขึ้นมา

สิ่งแรกที่เขาทำคือไปตักน้ำที่บ่อน้ำหลังบ้านของเขามาอาบน้ำ เขาทำอย่างนี้ทุกๆวันจนกลายเป็น กิจวัตร ประจำวันของเขา  และหลังจากที่เขาทำธุระส่วนตัวของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมี

เพื่อนมารอเขาอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเขาก็ออกไปทำงานกับเพื่อน พวกเขารับทำงานหลายอย่าง เช่น ก่อสร้าง,รับจ๊อบทำงานต่างๆ,สารพัดงานเท่าที่พวกเขาจะช่วยกันทำได้ พวกเขาทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวของตนเอง  จนกระทั่งวันหนึ่งมีนายหน้าหนุ่มคนหนึ่งมาหาพวกเขาและถามกับพวกเขาว่า”พวกคุณรับงานหรือเปล่า”พวกเขาจึงถามกลับไปว่า “งานอะไรเหรอครับ” นายหน้าหนุ่มจึงตอบไปว่า “สร้างโบสถ์” พวกเขาจึงตอบตกลงทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน วันรุ่งขึ้นนายหน้ามารับพวกเขาไปทำงานที่วัดในป่าแห่งหนึ่ง บริเวณของวัดเต็มไปด้วยต้นไม้ เขียวขจีร่มรื่น เย็นสบาย วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขาสร้างโบสถ์โดยที่ไม่เคยสร้างมาก่อนพวกเขาเป็นนักเรียนรู้ และยังรู้จักวิธีการที่จะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย  เมื่อพวกเขาได้ข้อมูลแล้วพวกเขาจึงลงมือก่อสร้างโบสถ์ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นซึ่งพวกเขาต่างก็มีความสุขกับงานนี้

เย็นวันหนึ่งระหว่างทางเดินกลับบ้าน ทางสองข้าวทางเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณต่างๆพวกเขาจึงเดินเข้าไปในป่า เมื่อเดินลึกเข้าไปถึงใจกลางของป่าพวกเราก็พบกับ พีระมิดแห่ง อียิปต์มีความสวยงาม และสว่างคล้ายกับ ทองคำหลังจากสังเกตอยู่อยู่นาน พวกเขาตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในของพีระมิด นั้นเมื่อเดินเข้าไปสักระยะหนึ่ง พวกเขาได้ค้นพบ ขุมทรัพย์มีทั้ง เงินทอง เพชร พลอย และสมบัติอื่นๆ หลังจากที่พวกเขาตื่นตะลึงกับสมบัติอยู่นั้นชายคนนั้นกล่าวขึ้นว่าเราควรจะไปเอาของๆคนไปเพราะยังไงมันก็เป็นของๆเขาคำพูดของชายผู้นั้นทำให้เพื่อนๆได้สติและทั้งสองก็เดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข